พฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจ
ในการกระทำกิจกรรมทางการตลาด
ศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์
ดร.สมัย เหมมั่น รองกรรมการบริหาร บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์นครเชียงใหม่ –
ลำพูน
กล่าวอ้างแสดงความหมายอย่างกว้างถึงพฤติกรรมผู้บริโภคคือกระบวนการต่างๆ
ของตัวบุคคลที่ปฏิบัติต่อสภาพแวดล้อมที่มีอยู่ภายนอก ให้ความหมายของผู้ซื้อ
คือบุคคลที่ไปทำการซื้อจริงในกระบวนการซื้อ ดังนั้น
ผู้ซื้อก็คือบุคคลที่มีบทบาทเป็นผู้ซื้อสินค้า ปกติผู้ซื้อก็คือลูกค้า (Customer) ของธุรกิจนั่นเอง
ฉลองศรี พิมลสมพงศ์
ได้ให้ความหมายไว้ว่า
การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึง การศึกษาถึงความต้องการ
ความจำเป็นของผู้บริโภคที่เป็นตลาดเป้าหมายเพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาด ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคนั้นๆ และเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุด
ความหมายที่ ดร.สมัย
เหมมั่น รองกรรมการบริหาร กล่าวสรุปในที่นี้ก็คือ
การกระทำหรือการแสดงออกของมนุษย์ที่ปรากฏออกเป็นการกระทำดังกล่าวนี้ จะมีกระบวนการของสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกำกับอยู่จากภายในตัวบุคคลนั้นๆ เสมอ
กล่าวคือ
จะมีกลไกของการกำกับสั่งการจากความนึกคิด
และความรู้สึกที่มีอยู่ภายในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคน การกระทำของแต่ละคนจะมีของตนตลอดเวลา จะมีสิ่งที่ยึดถือต่างๆ ภายในความคิดของตน (Frame of
mind) อยู่เอง และจะรับเอาเรื่องราวต่างๆ (sensation) จากภายนอกเข้ามาได้ตลอดเวลาอีกด้วย การตัดสินใจกระทำการต่างๆ ของเขาที่ปรากฎออกมาเป็นพฤติกรรมต่างๆ ย่อมจะอยู่ภายใต้การกำกับของสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น
ดังนั้นการศึกษาผู้ซื้อและพฤติกรรมผู้ซื้อ บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน จึงเป็นการศึกษาถึงลูกค้าของธุรกิจที่เป็นได้ทั้งผู้บริโภคและผู้ใช้ทางอุตสาหกรรมขึ้นอยู่กับว่าตลาดของธุรกิจเป็นตลาดประเภทใด เช่นผู้บริโภคบ้านแฝดและทาวเฮาส์ ลูกค้าหรือผู้ซื้อก็คือผู้บริโภค ถ้าเป็นตลาดสินค้าอุตสาหกรรม หรือตลาดรัฐบาล หรือองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรลูกค้าหรือผู้ซื้อก็คือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรม เป็นต้น
ดังนั้นการศึกษาพฤติกรรมผู้ซื้อ (Buyer behavior)
เป็นการศึกษาพฤติกรรม การซื้อสินค้าของลูกค้า ของธุรกิจต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือผู้เป็นนักลงทุนหวังกำไรจากการซื้อบ้านแฝดในโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
พฤติกรรมผู้บริโภค (consumer behavior)
ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหรือการแสดงออกของมนุษย์เฉพาะในบางเรื่อง คือ
เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการซื้อบ้านโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน และบริการ
ลูกค้าโครงการบ้านกัซซันกลอ์ฟเฮ้าส์นครเชียงใหม่-ลำพูน
การบริการทางการตลาดทั้งหลายนั้นย่อมถือได้ว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์เท่านั้น
พฤติกรรมผู้บริโภคจะมีความหมายเฉพาะกระบวนการของตัวบุคคลที่ตัดสินใจว่า จะซื้อบ้านแฝด
ทาวเฮาส์
และบริการอะไรหรือไม่
ถ้าจะซื้อจะซื้อที่ไหน
เมื่อไร อย่างไร และจะซื้อจากใคร การตัดสินใจดังกล่าวจะประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางกายและใจ ที่จำเป็นสำหรับทำการตัดสินใจ
สาระสำคัญส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของความเข้าใจ (perceives) ของแต่ละบุคคลที่มีอยู่ และการปฏิบัติหรือการกระทำต่อกันระหว่างตัวเขาเหล่านั้นกับสภาพแวดล้อม รวมตลอดทั้งกับองค์การธุรกิจทั้งหลาย
กล่าวโดยสรุปก็คือ
การแสดงออกทางพฤติกรรมของมนุษย์โดยทั้งหมดนั้น
พฤติกรรมหรือกิจกรรมที่แสดงออกในฐานะที่เป็นผู้บริโภคจะเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น พฤติกรรมผู้บริโภคจึงถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์ และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน ต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคจึงอาศัยพฤติกรรมศาสตร์เข้าช่วยศึกษา ทำนองเดียวกับการศึกษาพฤติกรรมมนษย์โดยทั่วไป
โครงการ บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน ให้ความสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการเลือกซื้อ บ้านและทาวเฮาส์ที่มีการศึกษาวิเคราะห์ อย่างถี่ถ้วน
เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ในการทำธุรกิจการจัดสรรที่ดิน
และพักอาศัยในแต่ละทำเล
ที่ลูกค้ามีความต้องการที่เลือกบริโภค
1. ปฏิกิริยาของบุคคล ซึ่งรวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่นการเดินทางไปและกลับจากร้านค้า การจ่ายของในร้านค้า การซื้อ
การขนสินค้า
การใช้ประโยชน์และการประเมินค่าสินค้า
และบริการที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาด
2.
บุคคลเกี่ยวข้องโดยตรงกับการได้รับและการใช้สินค้าและบริการทางเศรษฐกิจ ซึ่งหมายถึง
ผู้บริโภคคนสุดท้าย
เรามุ่งที่ตัวบุคคลผู้ซื้อสินค้าและบริการเพื่อนำไปใช้บริโภคเองหรือเพื่อการบริโภคของหน่วยต่างๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเช่นครอบครัว เราพิจารณาหน่วยบริโภคว่ารวมถึงแม่บ้านในฐานะที่เป็นตัวแทนซื้อของครอบครัว
และบุคคลบางคนที่ซื้อของขวัญให้กับผู้อื่นด้วย อย่างไรก็ดีเราไม่พิจารณาถึงการที่บุคคลซื้อให้กับองค์การธุรกิจหรือสถาบันต่างๆ
3. รวมถึงกระบวนการต่างๆ ของการตัดสินใจซึ้งเกิดก่อน และเป็นตัวกำหนดปฏิกิริยาต่างๆ เหล่านี้
ซึ่งรวมถึงการตระหนักถึงความสำคัญของกิจกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่กระทบโดยตรงต่อปฏิกิริยาทางการตลาด เช่น
การติดต่อกับพนักงานขายกับสื่อโฆษณาและการเปิดทางเลือกต่างๆ และปฏิกิริยาต่างๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจซื้อหลังจากการระบุและพิจารณาทางเลือกต่างๆ เป็นอย่างดีแล้ว สรุปในที่นี้ก็คือ พฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวข้องกับการศึกษาถึงว่าบุคคลผู้บริโภค บริโภคอะไร
ที่ไหน บ่อยแค่ไหน และภายใต้สถานการณ์อะไรบ้างที่สินค้า และบริการได้รับการบริโภค
การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นการศึกษา
วิธีการที่แต่ละบุคคลกระทำการตัดสินใจใช้ทรัพยากร
(เงิน เวลา บุคลากร
และอื่นๆ)
เกี่ยวกับการบริโภคสินค้า ซึ่งนักการตลาดต้องศึกษาว่าสินค้าที่เขาจะทำการเสนอขายนั้นใครคือลูกค้า
(who) ผู้บริโภคซื้ออะไร (what)
ทำไมจึงซื้อ (why) ซื้ออย่างไร
(how) ซื้อเมื่อไร (when)
ซื้อที่ไหน (Wher) และซื้อบ่อยครั้งเพียงใด (how ofter) รวมทั้งศึกษาว่าใครมีอิทธิพลต่อการซื้อ
(who)
การรับรู้และภาพลักษณ์ของตราสินค้า และคนเรามักจะแสดงไปตามภาพลักษณ์ของตน
หากมีความเชื่อบางอย่างเป็นสิ่งที่ผิดและเป็นการขัดขวางการซื้อ ผู้ผลิตจะต้องรณรงค์เพื่อแก้ไขหรือทำให้ความเชื่อเหล่านี้ถูกต้อง คอยคำนึงถึงทัศนคติที่เป็นความรู้สึก อารมณ์
และวิวัฒนาการด้านความขอบของคนเรามาเนิ่นนานแล้ว
นอกจากนี้การแสดงออกจึงมีความโน้มเอียงไปยังนิสัยหรือความคิดบางอย่างได้
กระบวนการการคิดวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและการบริโภคก๋วยเตี๋ยวของวัยรุ่นเพื่อให้ทราบถึงคุณลักษณะความต้องการลพฤติกรรมต่างๆ ของวัยรุ่น เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติแนวทางปฏิบัติในการตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นเป้าหมายได้สูงสุด โดยใช้โมเดลพฤติกรรมผู้บริโภค (consumer behavior modul) หรือ S-R theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ศึกษาถึงเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อโดยเริ่มจากการเกิดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความต้องการ สิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาในความรู้สึกสำนึกของผู้ซื้อ ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดำซึ่งประกอบธุรกิจไม่สามารถคาดคะเนได้ ความรู้สึกคิดนี้เองจะได้รับอิทธิพลในลักษณะต่างๆ และทำให้มีการตอบสนองของผผู้ซื้อ ดังในภาพที่ 2.1 ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้ สิ่งกระตุ้น (stimulus) กล่องดำความรู้สึกคิดของผู้ซื้อ (buyers’black box)การตอบสนองของผู้ซื้อ (buyers’ response) ซึ่งสามารถอธิบายพอให้เข้าใจได้ดังนี้ คือ
กระบวนการการคิดวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและการบริโภคก๋วยเตี๋ยวของวัยรุ่นเพื่อให้ทราบถึงคุณลักษณะความต้องการลพฤติกรรมต่างๆ ของวัยรุ่น เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติแนวทางปฏิบัติในการตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นเป้าหมายได้สูงสุด โดยใช้โมเดลพฤติกรรมผู้บริโภค (consumer behavior modul) หรือ S-R theory ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ศึกษาถึงเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อโดยเริ่มจากการเกิดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดความต้องการ สิ่งกระตุ้นผ่านเข้ามาในความรู้สึกสำนึกของผู้ซื้อ ซึ่งเปรียบเสมือนกล่องดำซึ่งประกอบธุรกิจไม่สามารถคาดคะเนได้ ความรู้สึกคิดนี้เองจะได้รับอิทธิพลในลักษณะต่างๆ และทำให้มีการตอบสนองของผผู้ซื้อ ดังในภาพที่ 2.1 ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้ สิ่งกระตุ้น (stimulus) กล่องดำความรู้สึกคิดของผู้ซื้อ (buyers’black box)การตอบสนองของผู้ซื้อ (buyers’ response) ซึ่งสามารถอธิบายพอให้เข้าใจได้ดังนี้ คือ
1
สิ่งกระตุ้น (stimulus) มีทั้งที่เกิดขึ้นเองในร่างกาย
และสิ่งกระตุ้นจากภายนอกซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ สิ่งกระตุ้นถือว่าเป็นเหตุจูงใจให้เกิดการซื้อสินค้า ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
1.1 สิ่งกระตุ้นทางการตลาด (marketing stimulus) เป็นสิ่งกระตุ้นที่นักการตลาดสามารถควบคุมจัดให้มีขึ้น เป็นสิ่งกระตุ้นที่เกี่ยวข้องกับส่วนประสมทางการตลาด (marketing mix) ซึ่งประกอบด้วย
1.1.1
สิ่งกระตุ้นด้านผลิตภัณฑ์ (product stimulus)
1.1.2
สิ่งกระตุ้นด้านราคา (price
stimulus)
1.1.3
สิ่งกระตุ้นด้านการจัดช่องทางการจำหน่าย (place stimulus)
1.1.4
สิ่งกระตุ้นด้านการส่งเสริมการตลาด
(promotion stimulus)
1.2
สิ่งกระตุ้นอื่น ๆ (other stimulus) เป็นสิ่งกระตุ้นความต้องการผู้บริโภคที่อยู่ภายนอกองค์การซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ ได้แก่
1.2.1
สิ่งกระตุ้นทางเศรษฐกิจ (economic
stimulus)
1.2.2
สิ่งกระตุ้นทางเทคโนโลยี (technological stimulus)
1.2.3
สิ่งกระตุ้นทางกฎหมายและการเมือง
(law and
political stimulus)
1.2.4
สิ่งกระตุ้นทาวัฒนธรรม (cultural
stimulus)
2. กล่องดำความรู้สึกคิดของผู้ซื้อ (buyers’ black box)
ความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อเปรียบเสมือนกล่องดำ ซึ่งผู้ผลิตหรือผู้ขายไม่สามารถทราบได้ จึงต้องพยายามค้นหาความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อ ซึ่งได้รับอทธิพลจากลักษณะของผู้ซื้อ และกระบวนการตัดสินใจของผู้ซื้อ ซึ่งมีอิทธิพลจากปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
คือ
2.1 ปัจจัยด้านวัฒนธรรม (cultural factor)
2.2 ปัจจัยด้านสังคม (social factor)
2.3 ปัจจัยด้านจิตวิทยา (psychological factor)
ซึ่งปัจจัยดังกล่าวข้างต้น จะก่อให้เกิดขั้นตอนการตัดสินใจของผู้บริโภค
3. การตอบสนองของผู้ซื้อ (buyers’ response)
ผู้บริโภคจะมีการตัดสินใจในประเด็นต่างๆ ดังนี้
3.1 การเลือกผลิตภัณฑ์ (product choice)
3.2 การเลือกตราสินค้า (brand choice)
และยังมีปัจจัยอีกคือ การเลือกผู้ขาย (dealer
choice)
การเลือกเวลาในการซื้อ (timing purchase
choice) การเลือกปริมาณการซื้อ (amount purchase
choice) ที่เป็นปัจจัยมีอืทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคดีงที่เสรีวงษ์มณฑาได้กล่าวถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ คือ
(1)
ลักษณะทางสรีระ
เป็นปัจจัยเบื้องต้นในการกำหนดพฤติกรรมการซื้อ และ
พฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค มีบทบาทมากที่สุดในการตัดสินใจของมนุษย์
เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เนื่องจากเป็นความต้องการของร่างกายซึ่งมีส่วนใหญ่เป็นปัจจัยสี่ ซึ่งประกอบด้วย อาหาร
เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค
(2)
สภาพจิตวิทยา เป็นความต้องการที่เกิดจากสภาพจิตใจ เป็นปัจจัยภายในที่มี
อิทธิพลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์โดยอาจมีลักษณะความต้องการในเรื่องเดียวกัน แต่สถาพจิตใจไม่เหมือนกัน
(3)
ครอบครัว เป็นกลุ่มสังคมเบื้องต้นที่บุคคลเป็นสมาชิกอยู่ ครอบครัวเป็นแหล่งอบรม
และสร้างประสบการณ์ของบุคคล
ถ่ายทอดนิสัย และค่านิยม
ครอบครัวถือว่าเป็นหน่วยที่มีบทบาทในแง่ของการเตรียมตัวผู้บริโภคให้เข้าสู่สังคม
(4) สังคม
เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราซึ่งจะมีผลที่เราต้องทำตัวให้สอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคมการที่ผู้บริโภคเป็นคนชั้นสูง
ชนชั้นกลาง หรือชนชั้นต่ำ ซึ่งแต่ละชนชั้นก็จะมีพฤติกรรมแตกต่างกัน
(5) วัฒนธรรม ไม่ว่าเราจะอยู่ชนชั้นใด
ในสังคมก็ตามมีวัฒนธรรมเป็นตัวครอบงำ วัฒนธรรม คือ วิถีชีวิตที่คนในสังคมยอมรับ
ประพฤติปฏิบัติตามกันเพื่อความงอกงามของสังคม
ซึ่งเป็นสิ่งดีสิ่งงามที่คนในสังคมยอมรับที่จะพฤติปฏิบัติร่วมกันเพื่อให้สังคมนั้นดำเนินไปได้ด้วยดี
เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงกล่าวได้ว่า วัฒนธรรมไม่ใช้สิ่งที่ถาวร
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มีชีวิต สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่อาจจะใช้เวลานาน เนื่องจากเป็นการยอมรับของสังคมที่กว้างขวาง
และเป็นสิ่งที่ยอมรับกันมานานมาก
การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
(analyzing consumer behavior) จึงเป็นการค้นหาหรือวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและการใช้ของผู้บริโภค
เพื่อทราบถึงลักษณะความต้องการและพฤติกรรม การซื้อ และการใช้ของผู้บริโภค
เป็นการค้นหาคำตอบที่ได้จะช่วยให้ผู้ขายสินค้าสามารถจัดกลยุทธ์การตลาด (marketing
strategies) ที่สามารถสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม
โดยคำถามที่ใช้เพื่อค้นหาลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภค คือ 6W และ
1H เพื่อค้นหาคำตอบ 7 O ซึ่งประกอบด้วย
Occupants Object, Objectives, Organization, Occasions, Outlets &
Operation
คำถาม 6Ws และ 1H
|
คำถามที่ต้องการทราบ 7 Os
|
กลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้อง
|
1.ใครอยู่ในตลาดเป้าหมาย
(Who)
|
ลักษณะกลุ่มเป้าหมาย (Occupants)
1.
ประชากรศาสตร์
2.
ภูมิศาสตร์
3.
จิตวิทยา
4.
พฤติกรรมศาสตร์
|
กลยุทธ์การตลาด (4Ps) ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ ราคาการจัดจำหน่าย
และการส่งเสริมการตลาด
|
2.ผู้บริโภคซื้ออะไร
(What)
|
สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ (Objects)ผู้บริโภคต้องการคุณสมบัติ
หรือองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ความแตกต่างที่เหนือคู่แข่งขัน
|
กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลัก รูปลักษณ์
การบรรจุภัณฑ์ ตราสินค้า รูปแบบ คุณภาพบริการ ลักษณะวัฒนธรรม
ผลิตภัณฑ์ควบ ผลิตภัณฑ์ที่คาดหวัง
ศักยภาพผลิตภัณฑ์
|
3.ทำไมผู้บริโภค
จึงซื้อ
(Why)
|
วัตถุประสงค์ในการซื้อ (Objectives)
|
กลยุทธ์ที่ใช้กันมากคือ
-
กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์
|
คำถาม 6Ws และ 1H
|
คำถามที่ต้องการทราบ 7 Os
|
กลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้อง
|
ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการด้านร่างกาย
และจิตวิทยา ซึ่งต้องศึกษาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการซื้อ คือ ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอก และปัจจัยเฉพาะบุคคล
|
-
กลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการตลาด
-
กลยุทธ์ด้านราคา
-
กลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย
|
|
4.
ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ (Who)
|
บทบาทของกลุ่มต่าง ๆ (Organization)
มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อ ประกอบด้วย ผู้ริเริ่ม ผู้มีอิทธิพล ผู้ตัดสินใจซื้อ
ผู้ซื้อ ผู้ใช้
|
กลยุทธ์การโฆษณา และกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด
โดยใช้กลุ่มอิทธิพล
|
5. ผู้บริโภคซึ่ง
เมื่อไร (When)
|
โอกาสในการซื้อ (Occasions) เช่น ช่วงเดือนใดของปี
หรือช่วงฤดูกาลของปี ช่วงวันใดของเดือน หรือ โอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ต่าง ๆ
|
กลยุทธ์ที่ใช้คือ กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด
ที่สอดคล้องกับโอกาสในการซื้อ
|
6. ผู้บริโภค ซื้อที่ใด (Where)
|
จะซื้อที่ใด ร้านใด (outlet)
|
กลยุทธ์ที่ใช้คือจัดสถานที่ หรือ Window Display ให้เจาะใจ เตะตา
|
7. ผู้บริโภคซื้อ อย่างไร (How)
|
ขั้นตอนในการตัดสินใจซื้อ (Operations) ประกอบด้วย
การรับรู้ปัญหา การค้นหาข้อมูล การประเมินผลทางเลือก การตัดสินใจซื้อ ความรู้สึกภายหลังการซื้อ
|
กลยุทธ์ที่ใช้มากคือ กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาด
ประกอบด้วยการโฆษณา การขายโดยใช้พนักงานขาย การให้ข่าว การประชาสัมพันธ์
การตลาดทางตรง
|
จากแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคกับการบริหารการตลาดยุคใหม่ที่ผู้เขียนกล่าวอ้างมาข้างต้นแล้วนั้น พอจะสรุปได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภค มีผลต่อกลยุทธ์ของตลาดธุรกิจ จำเป็นที่นักการตลาดต้องศึกษามูลเหตุจูงใจที่เป็นสิ่งกระตุ้นในการตัดสินใจซื้อ การค้นหาความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภค ลักษณะของผู้บริโภค
การตอบสนองของผู้บริโภค
และขั้นตอนในการตัดสินใจซื้อ เพื่อเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค
และสามารถลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจ ดังนั้นพฤติกรรมผู้บริโภค
จึงเป็นตัวแปรตัวหนึ่งที่สำคัญที่เราทั้งหลายต้องสนใจศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคใน
ตลาดต่าง ๆ
เพื่อสามารถวางกลยุทธ์ตลาดที่ตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม
กำไรเหมาะสม และ Brand ของท่านจะสามารถครองตลาดไปได้นานเท่าที่จะนานอยู่ในความทรงจำของผู้บริโภค
หรือ ผู้ซื้อได้ตลอดไป
สรุปง่าย
ๆ คือ สร้างชื่อเสียง และ สร้าง Brand ก่อน แล้ว
เงินจะตามมาเอง
ถ้าเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคมีส่วนในการตัดสินใจในการกระทำในกิจกรรมทางการตลาด
ที่กล่าวมาทั้งหมด
ไม่ลอง ไม่รู้ และที่รู้กันมา มีการลองผิด ลองถูกมามากแล้ว และอย่าลืมว่า
ทฤษฎีที่ยกมากล่าวอ้างนั้น มาจากการปฏิบัติการมาหมดแล้ว เพราะรู้ปฏิบัติมาก่อน
แล้วนำมาสรุปเป็นทฤษฎี แต่ถ้ารู้ทฤษฎีแล้ว ไม่ปฏิบัติอีกคือความว่างเปล่า
หากปฏิบัติโดยไม่อิงทฤษฎีก็อาจหลงทางเสียเวลาไปนานลองพิจารณาดู
ผู้เขียนขอขอบคุณชิ้นงานวิจัย
และเอกสารตำราของที่กล่าวอ้าง และไม่ได้อ้างมาทั้งหมด
และขอให้ความสำคัญงานวิจัยที่เรียกว่า Research
Re-ใหม่ Search-การค้นหา ต้องค้นหาใหม่ ๆ ไปเพื่อต่อยอดต่อ ๆ ไปครับ
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
โดย ศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์ ดร.
สมัย เหมมั่น รองกรรมการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
การเลือกซื้อของผู้บริโภค
บ้าน โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูนได้วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ ให้ข้อคิด เลือกซื้อ
และวิธีการเลือกซื้อบ้านแบบ ที่ศึกษาวิเคราะห์มา ด้วยสังคมและหน้าที่การงาน
ทำให้คนไทยต้องใช้ชีวิตในสังคมเมือง “แดนศิวิไลซ์” อย่าง เชียงใหม่-ลำพูนกันมากขึ้น และด้วยโครงการขนาดใหญ่สำคัญ ๆ
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง
ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเฟสแรกปี 2557
ซึ่งโครงการนี้เป็นระบบรถไฟความเร็วสูงระหว่างเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ระยะทาง 680
กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3.5 ชั่วโมง รองรับผู้โดยสารได้วันละ 34,800 คนต่อวัน ค่าโดยสารประมาณ 1,200 บาท เงินลงทุน
300,000 ล้านบาท
ซึ่งโครงการนี้จะทำให้เชียงใหม่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นได้แก่
โครงการสนามบินแห่งใหม่
(แห่งที่ 2) จะเป็นโครงการที่เตรียมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต
เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2555
มีผู้มาใช้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่มีความสามารถรองรับผู้ใช้บริการ 4.5 ล้านคน
ในข้อเท็จจริงท่าอากาศยานแห่งใดมีจำนวนผู้ใช้บริการเกินกึ่งหนึ่งของศักยภาพ
จะต้องวางแผนขยายท่าอากาศยาน
อีกทั้งโครงการนี้ยังสอดคล้องกับการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาคทางภาคเหนือ
ขณะนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่และท่าอากาศยานเชียงใหม่
มีความเห็นร่วมกันที่จะนำเสนอโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่
2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมพื้นที่และความเป็นไปได้
ซึ่งพื้นที่ที่เหมาะสมและมีศักยภาพน่าจะอยู่ระหว่างแอ่งเชียงใหม่-ลำพูน
บริเวณอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
นอกจากนี้
ยังมีโครงการพัฒนาเมืองแฝดเชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง
ซึ่งโครงการนี้จะผลักดันให้มีการเชื่อมระหว่าง 3 จังหวัด เนื่องจากปัจจุบันเชียงใหม่มีความแออัด
จำเป็นต้องมีการขยายเมืองออกไป
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาของภาคเหนือ ขณะที่จังหวัดลำพูนและลำปางเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่
มีความ
เหมาะสมรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคตได้
โครงการนี้สภาพัฒน์ได้เคยศึกษาความเป็นไปได้แล้วว่ามีความเหมาะสมที่จะพัฒนาทั้ง 3
เมืองให้เป็นเมืองแฝด
โครงการ “มอเตอร์เวย์ระหว่างเมืองเชียงใหม่-เชียงราย
เราก็นำเสนอในที่ประชุม กรอ.จังหวัด เพื่อพัฒนาระบบโครงข่ายโลจิสติกส์ระหว่างเชียงใหม่-เชียงรายจะขยาย
2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร นอกจากนี้ ก็มีแผนทำถนนวงแหวนรอบ 4
เพื่อเชื่อมโยงถนนวงแหวนจำนวน 8 เส้นทางระยะทางกว่า 37 กิโลเมตร
รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินการแล้ว”
โครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว
มีโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวดอยหลวงเชียงดาว
โดยจะก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นสู่ดอยหลวงเชียงดาว ส่วนอีกโครงการสำคัญ
คือการพัฒนาชุมชนนิเวศ (Eco Village)
ซึ่งเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวของโลกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยในปี 2556
ได้กำหนดพื้นที่นำร่องคือพื้นที่ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง
ให้เป็นโมเดลที่จะพัฒนาพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
นอกจากนั้น
ยังมีแผนงานสำคัญเพื่อรองรับภาคการท่องเที่ยว คือโครงการเชียงใหม่อาย (Chiang Mai Eye) โดยจังหวัดชียงใหม่มีแนวคิดก่อสร้างโครงการเชียงใหม่อาย
ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ซึ่งโครงการจะประกอบด้วยชิงช้าขนาดใหญ่
มีความสูงประมาณ 120 เมตร สามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง
จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางไปเที่ยวชมในจุดสูงสุด
เหมือนเป็นแลนด์มาร์กของเมือง ขณะนี้กำลังสำรวจศักยภาพ ของพื้นที่ที่มีความเหมาะสม
เมื่อนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการค้าเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านทางอากาศ
ซึ่งในระยะ 5 - 10 ปี
จำเป็นต้องขยายเมืองใหม่เพื่อรองรับการเติบโตและความแออัดของเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน
โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจะกำหนดตำแหน่งของสนามบินแห่งใหม่เพื่อรองรับความเป็นศูนย์กลางการบินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สนับสนุนการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่จังหวัดลำพูนด้วย
ซึ่งสนามบินแห่งใหม่น่าจะเกิดขึ้นหลังจาก 10 ปีนับจากนี้
ส่วนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้น่าจะอยู่ในพื้นที่บ้านธิ-สันกำแพง
ที่จะมีถนนวงแหวนรอบนอกเชื่อมโยงอีก 1 เส้นระหว่างแม่โจ้ – สนามบินแห่งใหม่
–นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน – อำเภอป่าซาง ลำพูน
โดยหลักการคือผู้ที่เดินทางมาจากอำเภอฝาง
ไม่จำเป็นจะต้องเข้าเมืองเชียงใหม่ และมีโครงการรถไฟฟ้าไปที่สนามบิน ซึ่งทำให้เกิดพื้นที่เมืองใหม่ที่จะโตที่
บ้านธิ – สันกำแพง ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ทิศตะวันออกของเมือง เป็นพื้นที่ที่มีความ
เหมาะสมมากที่สุด
และโครงการสร้างเมืองใหม่ก็เคยมีการศึกษาไว้เมื่อก่อน 10
ปีที่ผ่านมาตามโครงการพัฒนาเมืองแฝดเชียงใหม่ –ลำพูน
ขณะเดียวกันเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมระหว่างเชียงใหม่กับเชียงรายในอนาคตจะมีการตัดถนนเส้นใหม่โดยกร่างแนวเส้นทางแล้วอำเภอสันกำแพง
– แม่ออน –คอวัง (อำเภอแจ้ช้อน ลำปาง)-อำเภอพาน(พระเยา) – เชียงราย ซึ่งเส้นทางใหม่นี้มีเส้นทางเดิมอยู่แล้ว
เพียงแต่ปรับปรุงในบางช่วง และบางช่วงอาจต้องเจาะภูเขาที่วับซ้อนเหมือนประเทศจีน
ซึ่งจะสามารถอยู่ระยะเวลาการเดินทางจากเชียงใหม่-เชียงราย
ให้เร็วมากยิ่งขึ้นโดยถนนเชื่อมโยงถึงกันโดยสังคมชุมชนเดิมยังคงอยู่
ซึ่งเป็นข้อเสนอของชาบ้านหลังจากได้รับบทเรียนจากถนนหลวงสายดอยสะเก็ตที่ตัดขาดความเป็นชุมชนสองฝั่งออกจากกันโดยสิ้นเชิง
ส่วนจังหวัดเชียงงรายตัวเมืองจะยังเป็นศูนย์กลาง
และมีกลุ่มเมืองโดยรอบเช่น อำเภอแม่สาย เวียงเชียงงสน
อำเภอเชียงของเป็นประตูส่งออกสินค้าและอุตสาหกรรม และพื้นที่พัฒนาใหม่อยู่ที่ อ.เทิง
ขณะเดียวกันการพัฒนาอุตสาหกรรมการค้า
การขนส่งก็ต้องดูแลการอนุรักษ์โบราณสถานควบคู่กันไปด้วย
โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำเชียงแสน
ส่วนจังหวัดลำพูน
ในอนาคตจะยังคงเน้นในภาคอุตสาหกรรมส่งออก แบบไม่มีมลพิษ
ขณะเดียวกันจะมีกรอบพื้นที่การอนุรักษ์เมืองเก่าให้คงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุดเนื่องจากเป็นเมืองที่มีโบราณสถานมาก
เช่นการอนุรักษ์พื้นที่แม่น้ำกวงฝั่งตะวันตก
และพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบส่วนด้านตะวันออกต่อเนื่องจากพื้นที่อุตสาหกรรมเดิมมาทางดอยคิ
ก็จะมีนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ที่มีถนนเลี่ยงเมืองเส้นใหม่มารองรับ
รวมทั้งกำลังจะมีโครงข่ายคมนาคมคือการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางคู่เชื่อมโยงเชียงใหม่-ลำพูน
เพื่อเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจทั้งนี้ คาดว่าการพัฒนาผังของทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว จะต้องใช้งบประมาณจังหวัดประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
ประเด็นที่สองคือประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของชาวต่างชาติหลังเกษียณอายุมากที่สุด
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลกด้วยการพิจารณาจากเงื่อนไขด้านเศรษฐกิจ
และรูปแบบการดำเนินชีวิต โดยจากการสำรวจพบว่า 3
เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเหมาะแก่การเป็นที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติหลังเกษียณอายุมากที่สุด
มีดังนี้
1. รัฐบาลไทยยกเว้นภาษีสำหรับชาวต่างชาติที่มีรายได้จัด
หรือแม้กระทั่งผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้จึงเหมะแก่ชาวต่างชาติผู้เกษียณอายุแล้วเป็นอย่างมาก
2.ค่าครองชีพที่ถือว่าต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในโลก
ชาวตะวันตกโดยเฉพาะคนอังกฤษจึงสามารถมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้โดยไม่มีปัญหาแน่นอน
3. วิถีชีวิตที่เรียบง่าย
เหมาะสมซึ่งทำให้ประเทศไทยเหมาะมากสำหรับผู้ที่เกษียณอายุและต้องการความสงบในชีวิต
ตลอดจนปัจจัยเรื่องสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย เพราะอากาศไม่หนาวมาก
และมีแสงแดดตลอดทั้งปี
ประเด็นที่สามคือการเปิดประตูประชาคมอาเซียน(AEC)จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจ
อสังการิมทรัพย์แม้ว่าการเปิด AEC จะส่งผลบวกต่อดีมานด์ซื้อ
และเช่าอสังหาฯ มือสองในย่านศูนย์กลางธุรกิจ
และแหล่งชุมชนใจกลางเมืองโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ทั่วทุกภาค เช่นแหล่งนิคมอุตสาหกรรม
เป็นต้น เพราะหลังเปิด AEC แล้วนักลงทุนและแรงงานจากกลุ่มประเทศอาเซียนจะเข้ามาอาศัยในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร
และแหล่งนิคมฯ เพิ่มขึ้น
ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดใจกลางเมืองและใกล้นิคมอุตสาหกรรมมีความคึกคักมากขึ้น
ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจากประเทศต่างๆ
ทั่วอาเซียนต่างเห็นว่าเศรษฐกิจปี2555 ดีกว่า 2
ปีก่อนและจะดีขึ้นอีกในปี 2557 ก่อนเปิด AEC ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นกัน และทุกประเทศเห็นว่าการเปิด AEC จะเป็นประโยชน์ร่วมกันแต่ก็ยังมีความเป็นห่วงต่อการแข่งขันอยู่เช่นกัน
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธารกรรมการการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยแลประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเดท แอฟแฟร์ส
ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งอาเซียน ณ
ประเทศบรูไน ในช่วงต้นเดือนกรกฏาคม 2555 จำนวนเกือบ 100 คนจากทั้งหมดเกือบ 200
คนต่อประเด็นความพร้อมในการเปิดประชาคมอาเซียน (ASEAN Economic
Community:AEC)ในปี พ.ศ.
2558 และความเห็นเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยพอสมควร
ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินในภูมิภาคนี้
ให้ความคิดเห็นว่าเมื่อเทียบสถานการณ์เศรษฐกิจ พ.ศ. 2553
กับปัจจุบัน 56% ประเมินว่าปัจจุบันดีกว่า มีเพียง 7% ที่เห็นว่าแย่ลงที่เหลือ 36% บอกว่าเหมือนเดิม
สำหรับในรายละเอียด ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน
จากบรูไน สิงคโปร์ และไทย
มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังแทบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ประเทศอื่นๆ
กลับมองว่าสถานการณ์ดีขึ้นเป็นหลัก และเมื่อพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจในอีก 2 ปีข้างหน้า คือ พ.ศ. 2557 ส่วนใหญ่ 67% บอกว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น มีเพียง 4%
ที่คิดว่าจะเลวร้ายลง
อย่างก็ตามผู้แทนจากประเทศไทยส่วนใหญ่เห็นว่าจะยังคงเหมือนเดิม
กรณีตลาดอสังหาริมทรัพย์
พบว่า 63%
คิดว่าสถานการณ์ตลาดดีขึ้นกว่าปี พ.ศ. 2554 อย่างไรก็ตาม ราวๆ
ครึ่งหนึ่งของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจากบรูไนและไทยคิดว่าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในไทย และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของบรูไน
ยังไม่กระเตื้องขึ้นนั่นเอง และเมื่อพิจารณาถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอีก 2 ปีข้างหน้าคือ 2558 พบว่าส่วนใหญ่ 66% จากแทบทุกประเทศระบุว่า
สถานการณ์น่าจะดีกว่าปัจจุบันอย่างไรก็ตามผู้ประเมินทรัพย์สินจากประเทศยังเห็นว่าตลาดยงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก
2 ปีข้างหน้า
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เป้าหายของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจเป็น”ตลาดและฐานการผลิตเดียว (Single Market and
Production Basw)” โดยมีการเคลื่อนสินค้า
การลงทุน
และแรงงานฝีมือภายในอาเซียนได้อย่างเสรีรวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมากขึ้น
ภายในปี 2558 และภายใต้กรอบการเจรจาของเอเซียน แผนงานนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(AEC Bluepeint )
กำหนดพันธรณีให้ประเทศสมาชิกต้องเปิดเสรีการค้าบริการ
รวมถึงการบริการด้านอสังหาริมทรัพย์โดยลดหรือยกเลิกกฏระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด(Treaket Access: MA)และข้อจำกัดในการให้การปฏิบัติเยี่ยงคนชาติ
(National Treatment :NT) หรือการปฏิบัติต่อคนต่างชาติที่สัญชาติอาเซียนเช่นเดียวกับคนในชาติตนเอง
นอกจากนั้นแล้วยังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นให้กับนักลงทนที่มีสัญชาติอาเซียนได้สูงสุดถึง
70% อีกด้วย
จากข้อกำหนดดังกล่าว
ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย จะต้องมีการปรับตัวและเตรียมความพร้อมรบมือกับนักลงทุนต่างชาติที่มีทั้งเงินทุนและเทคโนโลยีที่จะเข้ามาแข่งขันมากขึ้น
เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยยังมีราคาต่ำกว่าประเทศเพื่อบ้านอย่างน้อยเช่น
สิงคโปร์ อยู่มาก
นอกจากนี้ประเทศไทยเองยังตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
ซึ่งเหมาะต่อการเข้ามาลงทุนหรือประกอบธุรกิจเป็นอย่างยิง
และอาจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศได้ในระยะยาว
ในขณะเดียวกันก็จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการ
ไทยสามารถออกไปแข่งขัน
หรือขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราความต้องการที่อยู่อาศัยสุงกว่า
พร้อมทั้งเกิดการแลกแลกเปลี่ยนเทคโนโยลีและองค์ความรู้ใหม่ๆกบันักลงทุนจากประเทศสมาชิกมากขึ้น
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในฐานะที่เป็นธุรกิจการค้าครอบคลุมถึงการพัฒนาออกแบบก่อสร้าง
ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่า ให้สินเชื่อจำนอง ประเมินค่าทรัพย์สินโอนทรัพย์สิน
ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจใหญ่ที่มีผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย
ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา เช่น นักพัฒนา นักลงทุน ตัวแทนนายหน้า
นักกฎหมายสำรวจ นักกฎหมายนักสำรวจ นักประเมินราคา
นักบริหารทรัพย์สินเป็นต้นและที่เป็นนิติบุคคลเช่น การนิคมอุตสาหกรรม สถาบันการเงิน
ธนาคาร บริษัทบ้านจัดสรร เป็นต้น ตามแผนงานนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
กำหนดให้การเคลื่อนย้ายของนักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ประกอบวิชาชีพ แรงงานฝีมือและผู้มีความสามารถพิเศษมีการจัดหา MRAs เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบวิชาชีพ
(แพทย์ทันตแพทย์ พยาบาล สถาปนิก วิศวกร นักบัญชี และนักสำรวจ)
อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาขาแคลนแรงงานวิชาชีพตามมา
แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยลดต้นทุนจากจัดหาสถาปนิก
หรือวิศวกรเซ็นงานได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้
ตามความตกลงการค้าสินค้าของ(Asean
Trade in Goods Agreement :ATIGA )ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกภาษีสินค้านาเข้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน
หรือการยกเลิกและขจัดมาตรการที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers:NTBs) ที่จะเป็นอุปสรรคทางการค้าก็ตามอาจส่งผลทาให้เกิดการลดต้นทุนในการนำเข้าวัตถุดิบ
หรือวัสดุก่อสร้างจากประเทศสมาชิกที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า
และไม่มีภาษีนำเข้าหรือเพิ่มทางเลือกและความหลากหลายให้กับผู้ประกอบการในการนำเข้าวัตถุดิบ
หรือวัสดุก่อสร้างหรือวัสดุตกแต่งบ้านที่มีคุณภาพต่ำ
และไมได้มาตรฐานเข้าสู้ตลาดมากขึ้นเช่นกัน
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นผลกระทบทางตรงที่อาจเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก
2
ปีข้างหน้าในขณะที่ผลกระทบทางอ้อมนั้นเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างอายุประชากรของประเทศสมาชิกอาเซียนพบว่ามีความคล้ายคลึงกัน
โดยประชากรส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศอยู่ในวัยหนุ่มสาวและวัยทำงาน (อายุระหว่าง 15-64
ปี) ซึ่งสัดส่วนประชากรวัย
ทำงานมีสูงถึง70%
ของประชากรทั้งหมดในเอเซียน และยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงพร้อมจะลองสินค้าใหม่
ๆ ที่มีการนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ
มาใช้ในการผลิตส่งผลทำให้เกิดแนวคิดการพัฒนาและ
การออกแบบที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมน่าจะมีความแปลกใหม่และดึงดูดความสนใจมากยิ่งขึ้น
โดยมีการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติมาผสมผสานในการออกแบบ
หรือวัสดุก่อสร้างที่สามารถกำจัดเศษเหลือทิ้งได้ง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยควรเร่งปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในอาเซียนที่หันมาให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทดังกล่าวมากขึ้น
นอกจากนี้
รายได้เฉลี่ยของประชากรในแต่ละประเทศสมาชิกก็อาจจะเป็นตัวกำหนดแนวคิดในการพัฒนาและออกแบบที่อยู่อาศัยได้เช่นกันโดยสิงคโปร์และบรูไนจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง
ทำให้ผู้บริโภคนิยมสินค้าที่มีแบรนด์ โดยคำนึงถึงคุณภาพและความทันสมัยของสินค้าเป็นสำคัญ
ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับแนวคิดที่เน้นในเรื่องของคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับแรก
ในขณะที่มาเลเซียและไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-สูง
ซึ่งผู้บริโภคมักให้ความสำคัญกับสินค้าเทคโนโลยีและสารสนเทศรวมถึงสินค้าที่สนองตอบต่อวิถีชีวิตที่เร่งรีบ
ผู้ประกอบการจึงควรพัฒนาโครงการที่ช่วยส่งเสริมหรือสนับสนุนการทำงานของผู้อยู่อาศัยให้ประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้เร็วขึ้น
เช่น มีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงาน หรือเอื้อให้เกิดการพัฒนาตนเอง ทำเล ที่ตั้งอยู่ในที่ที่เดินทางสะดวกหรือไม่ต้องเสียเวลาไปกับการดูแลทำความสะอาดที่อยู่อาศัยเหล่านี้
เป็นต้น
ในขณะที่
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนามและลาว จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-ต่ำ ส่วน กัมพูชา
และพม่าจัดอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้จะมีกำลังซื้อไม่สูงมากนักจึงนิยมบริโภคสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในเรื่องของราคาเป็นสำคัญ
ดังนั้น ผู้ประอบการไทยจึงต้องเร่งปรับตัวและศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ
ให้ครบถ้วนรอบด้านทั้งความได้เปรียบเสียเปรียบ ตลอดจนต้องรู้จักเรียนรู้วัฒนธรรม
ขนบธรรมเนียม
ประเพรีและความคิดของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจะได้ตรียมความพร้อมและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้น
เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้า
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อ ASEAN รวมตัวกันได้ ก็จะทำให้เกิด Win-Win
นั่นก็คือ ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศสมาชิกมีการขยายตัวขึ้น
หัวใจของการรวมตัวก็เพื่อที่สร้าง Single Market และก็
Single Production Base
ภาพรวมของ กลุ่ม AEC คือ มีประชากรรวมกัน 601 ล้านคน (คิดเป็น 8.8% ขอประชากรทั้งโลก ซึ่งถ้าสามารถรวมตัวกันได้จริง
ตามเป้าหมายที่วางไว้คือปี 2015 จะทำให้กลุ่ม AEC มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 9
ของโลกที่ขนาด $1,800 billion)…เทียบกับเศรษฐกิจโลกคือ $14,256
billion, EU $12,517 billion, ญี่ปุ่น $5,068 billion, จีน$4,910 billion เป็นต้น
หากคุณเป็นผู้ประกอบการ
สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเข้าใช้ประโยชน์ในเรื่องการหาแรงงานที่ราคาถูก และ
สามารถผลิตใกล้แหล่งวัตถุดิบ
มีวัตถุประสงค์ของการรวมตัวของ
AEC จะประกอบไปด้วย 5
ด้านคือ 1.Free flow of goods 2.Free flow of Investment 3. Free flow of
capital 4. Free flow of skilled labour และ 5. Free flow of services
ลองดูซิครับ
ใครได้ประโยชน์ (ถูกต้อง!! ..คนได้ประโยชน์ คือ
คนที่สามารถเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น)
วันก่อนระหว่างผมขับรถในเมือง
ก็ผ่านไปเห็นที่ดินผืนงาม ๆ มากมายในกรุงเทพ ผมก็คิดว่า “โห!! เจ้าของที่
ทำเลดี ๆ อย่างนี้ใจกลางเมือง คงรวยสุด..แล้วใครเป็นเจ้าของ!!”
..จากนั้นผมก็ลองนึก ๆ ว่า
ถ้าเราสามารถซื้อที่ดินเหล่านี้ได้ในราคาถูก คงจะรวยน่าดู ..แต่ปัญหาก็คือ
ราคาที่ดินมันมีแต่ขึ้น ดังนั้น ที่ดินผืนงาม ๆ ในกรุงเทพ
คงไม่มีทางกลับไปราคาถูกอีก
“ผมจำเรื่องเล่าครอบครัวคุณ ทวิช
กลิ่นประทุมตอนหนุ่ม ๆ ท่านมีเงินเยอะ แต่สมัยนั้น ที่ดินในกรุงเทพถูกมาก ๆ ตึกสูง
ๆ อะไรในกรุงเทพก็ยังแทบจะไม่มี ยุคนั้นไม่มีใครคิดหรอกว่า
กรุงเทพจะแออัดและเจริญถึงขนาดนี้
ก็สรุปได้ว่า “คนสมัยก่อนคาดไมถึงว่า
เมืองจะเติบโต และมีคนอยู่มาก ที่ดินก็ราคาพุ่งสูง ..ดังนั้น
ในยุคนั้นก็แทบไม่มีใครสนใจลงทุนในที่ดินเลย”
เดี๋ยวนี้กลับกลายเป็นว่า คนที่มีเงินส่วนใหญ่ในกรุงเทพ
มักรวยมาจากที่ดินทั้งนั้นไอ้ที่ทำงานได้เงินเป็นแสน ๆ แล้วจะรวยเป็นร้อย ๆ ล้าน “อันนั้นมันฝันเปียก”
ดังนั้น “ฝันธง”
คนที่รวยมาก ๆ ถ้าไม่ได้สร้างกิจการของตัวเอง ก็รวยจากที่ดิน ..อย่างผมรู้จักเพื่อนคนนึง บ้านทำโรงสีอยู่ชานเมือง ก็แถวรามอินทรา
ย้อนไปแค่ 10 ปี แถวนั้นไกลเดินทางไปยาก ..มาดูเดี๋ยวนี้ทางด่วนตัด ถนนตัดผ่าน วงแหวนตัด
ผ่าน สรุปเผอิญ
มีชาวบ้านเอาที่มาวางบ้าง มาขายให้บ้าง เลยเป็นเจ้าของที่ดินมากมายแถวรามอินทรา … “เดี๋ยวนี้ไม่ต้องสงสัย
เพื่อนผมคนนี้ รวยแค่ไหน!!” .. ผมมานั่งนึก ๆ แหม !! ทำไมบ้านผมไม่ทำโรงสี หรอ เลี้ยงวัวแถวชานเมืองจะได้รวยที่ดินสุด ๆ บ้าง..
“แม้คุณจะเปลี่ยนอดีตไม่ได้
..แต่คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตได้” ..ถูกต้อง
สิ่งที่ผมกำลังคิดคือ ในเมื่อเรารู้ว่า การรวมตัวของ AEC
จะทำให้เมืองสำคัญ ๆ ของประเทศต่าง ๆ อย่าง พม่า , เขมร ,
เวียดนาม (CLMV)
แทนที่จะเอาเงินมาพันล้านซื้อที่กลางกรุงเทพ
แล้วเก็งอย่างเพ้อฝันว่าที่แปลงนั้นจะกลายเป็นหมื่นล้าน มันคงจะเป็นไปได้ยาก …แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง
ถ้าเรามีเงินทุนพอสมควร อาจจะรวมตัวไป ไปหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดิน
และเก็งซื้อที่ดินทำเลดี ๆ ในประเทศ เพื่อนบ้าน ที่ยังเจริญน้อยกว่าเรา…ผมว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวนะ
“คุณไม่รู้หรอกว่า รัฐบาลลาว
จะสร้างรถไฟฟ้าตรงไหน”แต่ที่ดินในจุดสำคัญๆ ไม่ได้ราคาบ้าเลือดเหมือนที่ดินในกรุงเทพแน่……ผมเคยเล่าเรื่องของธรกิจเศษเหล็กที่คนจีนชอบซื้อที่ดินแม่น้ำเจ้าพระยา
แล้วชนเอาเศษเหล็กมากอง….เดี๋ยวนี้ที่เหล่านี้ถูกกว้านซื้อโดย
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในราคาหลายร้อย หลายพันล้าน….
“มันจะดีกว่าไหม
หากเราเอาสิ่งที่เห็นไปใช้เป็นแนวทางการเก็งกำไรที่ดิน ในประเทศเพื่อนบ้านบ้าง”
“ธุรกิจที่เกี่ยวกับที่ดิน
มันเป็นอะไรที่เทพมากๆหากคุณรู้อนาคตราคาที่ดินจะพุ่ง..เพราะการทำธุรกิจเป็นการทำเงินระหว่างรอ
แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการถือครองที่ดิน เป็นเวลาที่นานพอจะให้ที่ดินนั้นๆเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลต่างหาก..ในญี่ป่นบางคนเก็งกำไรที่ดิน แต่ระหว่างที่รอ
ก็ทำเงินไปพรางๆโดยการทำที่จอดรถ ทำเป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟ”
จะรวยจริง ต้องมองต่าง (แล้วอดทนสักหน่อย!!!)…แล้วลูกหลานจะยกย่องคุณ
ประเด็นที่สี่
เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการค้าของภาคเหนือ มีข้อได้เปรียบด้วยการท่องเที่ยว
มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปีละหลาย 10 ล้านคน ดังนั้นกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน) มีความพร้อมสามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านกลางด้านการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาวหรือ
Long Stay ในอนาคตได้
โดยมีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยวแบบลองสเตย์ไปยังทุกจังหวัดในกลุ่ม
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือการแพทย์(Medical Tourism) เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกลุ่มจังหวัด
โดยให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)
ในภูมิภาค ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจทุกกลุ่ม เช่น
โรรงบาล คลินิก บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม สถานพักฟื้น นวดแผนไทย สปา
ในอนาคตอันใกล้จะมีผู้สูงอายุญี่ปุ่นเดินทางมาพนักที่เชียงใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า
20%
ปัจจุบันเข้ามาพำนักอยู่แล้ว 3,800-4,000 คน
และยังมีผู้สูงอายุประเทศอื่นอีกในสัดส่วนใกล้เคียงกัน
จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 6,000-7,000 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุหรือวัดปลดเกษียณชาวญี่ปุ่นมีประมาณ
8 แสน -1 ล้านคน และมีผู้ที่อายุเกน 60ปีในญี่ปุ่นประมาณ 7-8 ล้านคน โดยสัดส่วน 18%
จะชอบเดินทางไปพำนักใประเทศอื่นๆ ดังนั้น
จะต้องทำให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือดอนบนเป็นพื้นที่เป้าหมายที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องเดินทางมาท่องเที่ยวให้ได้
ประเด็นที่ห้า
การลงทุนการค้าปลีกจากนักลงทุนในและต่างประเทศ ซึ่งดำเนินโครงกรขนาดใหญ่หลายรายการอาธิเช่น
การปักธงของทุนข้างชาติเนเธอร์แลนด์
.”พรอมเมนาดา รีสอร์ท
มอลล์ เชียงใหม่” และทุนจากส่วนกลาง “ซันทรัล” ที่ประกาศลงทุน “เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่” อย่างเป็นทางการ
ทำให้อุณหภูมิการแข่งขันของสมรภูมิค้าปลีกในเชียงใหม่คุกคักอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปีนนี้
เพราะมูลค่าการลงทุนองทั้งสองห้าสูงเกือบ 10,000 ล้านบาท
และมีพื้นที่ใช้สอยรวมกันมากกว่า 3.2 แสนตารางเมตร
สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ
ทุนใน ท้องถิ่นและส่วนกลาง ต่างก็เทเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างผิดตา
ทั้งการลงทุนใหม่ การปรับปรุง(Renovate) พ้นที่ใหม่รวมถึงการเกิดขึ้นของคอมมิวนิตี้มอลล์(community mall) จำนวนมากติดอันดับต้นๆของประเทศขระที่ฐาตลาดเดิม
จังหวัดเชียงใหม่มีศูนย์การค้าใหญ่สุดในภาคเหนืออยู่แล้ว ซึ่งมีทั้งห้าง “เซ็นทรัลแอร์พอร์ต พลาซ่า” พื้นที่อาคารที่ใช้สอย 175,185 ตารางเมตร ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท รวมถึง
ห้างสรรพสินค้า “กาดสวนแก้ว”
มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 290,000 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท
ในอนาคตอันใกล้ภายในปี
2555-56 ห้างค้าปลีก
ศูนย์การค้า และคอมมิวนิตี้มอลล์ของเชียงใหม่ จะมีพื้นที่ขายมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร ยิ่งจะทำให้พื้นที่
ค้าปลีกทุกระดับในเชียงใหม่ติดอันดับเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคก็ว่าได้
สิ่งที่สร้างความมั่นใจให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ในเชียงใหม่
โดยบรัทยักษ์เนเธอร์แลนด์ชนเซ็นทรัลจากผลการ สำรวจวิจัยของ บริษัท อีซีซี
อินเตอร์เนชั่นแนลเรียลเอสเดท จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าชั้นนำสัญชาติ
เนเธอร์แลนด์ ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีการเติบโตขึ้น
อย่างต่อเนื่องมีประชากรในตัวเมืองและใกล้เคียงรวมกัน 3 ล้านคน หรือ 11,000 ครัวเรือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ความต้องการของผู้บริโภค รายได้ประชากร
และการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยและปริมาณแรงานที่หลั่งไหลเข้าสู่ตัว จังหวัด
ข้อมูลดัชนีค้าปลีกของจังหวัดเชียงใหม่
ขยายตัวกว่า 250% นับตั้งแต่ปี 2545-2553
เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เป็นตารางเมตรของช๊อปมอลล์ที่ไม่เพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีหลัง ทำให้เห็นว่าเชียงใหม่ยังไมได้รับการตอบสนองในด้านแหล่งค้าปลีกอย่างเพียงพอ
นอกจากนี้
ห้างพรอมเมดาฯยังได้ว่าจ้าง ที เอ็น เอสฯ
และเน็กซัสฯศึกษาวิจัยข้อมูลตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
พบว่าชาวเชียงใหม่ต้องการช๊อปปิ้งมอลล์ที่แปลกใหม่ และผู้บริโภค
พบว่าชาวเชียงใหม่ต้องกรชีอปปิ้งมอลล์ที่แปลกใหม่
และผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมแสวงหาประสบการณ์การพักผ่อนและการชีอปปิ้งที่ตอบ
สนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มากขึ้น
นี่คือความมั่นใจของ
อีซีซี กรุ๊ปที่ทุ่มลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท
เยรมิตห้างสรรพสินค้าแนวใหม่แบบรีสอร์ตมอลล์เพื่อตอบสนองไลฟ์ลไตล์ทุกรูปแบบ
บนพื้นที่ 75,000 ตารางเมตร ดั้งอยู่บนถนนบ้านสหกรณ์
ติดกับซูเปอร์ไฮเวย์และถนนวงแหวน รอบ 2
เตรียมเปิดตัวในปลายปี 2555
ทุนใหญ่อีกรายคอ
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสดิวัล เชียงใหม่ ทุ่มทุนสร้างบนทำเลสี่แยกศาลเด็ก
ด้วยงบฯลงทุนรวมกว่า 6,000 ล้านบาท เริ่มดอกเสาเข็มแล้ว มีแผนจะเปิดเดือนพฤศจิกายน 2556
จากปรากฏการณ์เคลื่อนตัวของทุนขนาดใหญ่
ทำให้ทุนท้องถิ่นเดิมทั้งขนาดเล็กและใหญ่ขยับตัวกันอย่างคักคักและเติบโต
อย่างก้าวกระโดด
เริ่มตนจาก
“วีกรุ๊ป” ของนายวัชระ ดันตรานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท วี กรุ๊ป จำกัด
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และผู้บริหารโครงการเชียงใหม่บิสสิเนสพาร์ค
ได้ควักกระเปาลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท
ก่อสร้างห้างสรรสินค้าแฟชั่นค้าปลีก-ส่ง”แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เชียงใหม่” บนพื้นที่ 9 ไร่ ในโครงการเชียงใหม่บิสสิเนศพาร์ค เพื่อเป็นศูนย์ค้าปลีก – ส่งเสื้อผ้าแฟชั่นและไอทีใหญ่ที่สุดใน
ภาคเหนือ มีพื้นที่ขายกว่า 1.3 แสนตารางเมตร พร้อมที่จอดรถ 1.5 พันคัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 256
ล่าสุด”ห้างกาดสวนแก้ว “ผู้บุกเบิกห้างสรรสินค้าเก่าแก่ของเชียงใหม่มาครบ
20 ปีก็ประกาศศรีโนแวดห้างครั้งใหญ่ เพื่อเปิดพื้นที่ใหม่อีก
70,000
ตารางเมตรเพื่อรองรับร้านค้าที่จะเพิ่มที่ใช้สอยมากกว่า 200,000ตารางเมตร
ด้าน”กลุ่มวนัสนันท์”ของนาย ชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการบรัท วี ดีเวลอเมนต์ จำกัด
และประธานกรรมการ บริษัท เชียงใหม่วนัสนันท์ จำกัด ผู้ผลิตอาหารแปรรูป ของฝาก อาหาร
พื้นเมืองภาคเหนือ ก็ได้ลงทุน 300 ล้านบาทผุดคอมมิวนตี้มอลล์
บนถนนวงแหวนรอบกลางติดมหาวิทยาลัยพายัพ ภายใต้ชื่อ “วี
คอมมูนิตี้” ทีทั้งคอนโดมิเนียม และวี พลาซ่า
ศูนย์การค้าขนาดย่อมบนพื้นที่ 3 ไร่
ปห่ผุดคอมมิวนิตี้มอลล์วันนี้กระแสการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าศูนย์การค้าขนาดใหญ่ก็คือ
การเติบโตของห้างขนาดกลาง และคอมมิวนิตี้มอลล์
ของทุนท้องถิ่นเชียงใหม่ที่ถือว่าขยายตัวสูงสุด จากเจ้าเดิมที่ลงทุนไปแล้ว เช่น
กาดฝรั่ง,มีโชคพลาซ่าและนิ่มซิตี้
เดลี่
ในปี
2556 กลุ่ม “ริมปิง” ของตระกูลตันตรานนท์จะขยายเพิ่มอีก 3สาขา ภายในห้างพรอมเมดา
ในโครงการสตาร์ อเวนิวไลฟ์สไตล์มอลล์ และชญยล คอมมิวนิตี้มอลล์
กลุ่ม”นิ่มซี่เส็ง” ลงทุนเพิ่มภายในโครงการเดิม “นิ่มซิดี้ เดลี่”ซึ่งโครงการ “Old Chiang Mai”
คอมมิวนิตตี้มอลล์เชิงวัฒนธรรมล้านนาลงทุน
200 ล้านบาท
ช็อปปิงเซ็นเตอร์ยืดชุมชนทั้งนี้
ยังไม่นับรวมโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในย่านชุมชนสำคัญ เช่น
1) โครงการ L&H ช็อปเซ็นเตอร์ที่จะมีพื้นที่กว่า 1 แสนตารางเมตร
2) โครงการสตาร์ อเวนิว
ไลฟ์สไตล์มอลล์ ถนนมหิดล ลงทุนกว่า 550 ล้านบา
3) โครงการ The Chill Park ย่านหางดง 4) โครงการ @ curve
ถนนช้างคลาน
สำหรับทุนส่วนกลางก็ไม่น้อยหน้า
เริ่มต้นจากการปรับปรุงโรงแรมอมารี รินคำเดิมบนพื้นที่กว่า 11 ไร่ บริเวณบนพื้นที่กว่า 11 ไร่
บริเวณ สี่แยกรินคำเป็น Landscape Plaza ศูนย์การค้าที่คงไว้ซึ่งทิวิทัศน์สวยงาม,Retails
Area-Thai Pavilion Concept ร้านค้าปลีกภายในสวนหย่อม
มีซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำและร้านอาหาร
ในบริเวณใกล้เคียงกัน นายตัน
ภาสกรนที ประธาน บริษัท อชิตัน กรุ๊ป จำกัดลงทุนราว 400 ล้านบาท สร้างคอมมิวนิตี้มอลล์
ชื่อโครงการ “ซิงค์ พาร์ค อาร์ต คอมมูนิตี้มอลล์ “ บนพื้นที่ 5 ไร่ เปิดบริการไปแล้ว
จากนี้ไปเชียงใหม่จะกลายเป็นเมืองที่มีห้างค้าปลีกโตคู่กับการพัฒนา
อสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ ที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคที่เป็น “ไลฟ์สไตล์สมัยใหม่มากขึ้น”
ประเด็นที่หกคือความต้องการการมีบ้านของวัยทำงาน แม้ว่าในโลกนี้จะมีหลายๆสิ่งที่เราอยากได้มาเป็นเจ้าของอย่างเจ้ารถยนต์คันโก้ มือถือนุ่นล่าสุด นาฬิกายี่ห้อดัง โน๊ตบุ๊กล่าสุดเครื่องปรับสวยๆและอื่นๆอีกมากมาย แต่ “บ้าน” ก็จัดเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของใครหลายๆคน ที่อยากจะครอบครอง เพราะบ้านไมได้เป็นแค่สินทรัพย์ ทั้งๆที่บ้านสร้างด้วย อิฐ หิน ปูน ไม่มีชีวิต แต่ทำไมเรามักจะรำพึงรำพันว่า “คิดถึงบ้าน”เสมอๆเป็นเพราะบ้านเป็นที่แห่งเดียวในโลก ที่เราจะทำได้ทุกอย่างที่เราเป็น คงจัดไม่น้อยถ้าหากสักวันหนึ่งคุณจะมีบ้านของคุณเองสักหลัง มาดูเหตุผลที่ควรมีบ้านดีว่า
ประเด็นที่หกคือความต้องการการมีบ้านของวัยทำงาน แม้ว่าในโลกนี้จะมีหลายๆสิ่งที่เราอยากได้มาเป็นเจ้าของอย่างเจ้ารถยนต์คันโก้ มือถือนุ่นล่าสุด นาฬิกายี่ห้อดัง โน๊ตบุ๊กล่าสุดเครื่องปรับสวยๆและอื่นๆอีกมากมาย แต่ “บ้าน” ก็จัดเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของใครหลายๆคน ที่อยากจะครอบครอง เพราะบ้านไมได้เป็นแค่สินทรัพย์ ทั้งๆที่บ้านสร้างด้วย อิฐ หิน ปูน ไม่มีชีวิต แต่ทำไมเรามักจะรำพึงรำพันว่า “คิดถึงบ้าน”เสมอๆเป็นเพราะบ้านเป็นที่แห่งเดียวในโลก ที่เราจะทำได้ทุกอย่างที่เราเป็น คงจัดไม่น้อยถ้าหากสักวันหนึ่งคุณจะมีบ้านของคุณเองสักหลัง มาดูเหตุผลที่ควรมีบ้านดีว่า
“ไม่อยากเช่าบ้านไปตลอดชีวิต”
แม้ว่าการซื้อบ้านสักหลัง
ต้องใช้เงินก้อน และกว่าจะเก็บเงินก้อนได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร
การเริ่มต้นมีบ้านหรือโลกส่วนตัวของคุณเองโดยการเช่าอยู่นั้นถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
แต่คุณรู้ไหมว่าเงินที่จ่ายค่าเช่าในแต่ละเดือนนั้น
ไมได้มากไปกว่าการผ่อนบ้านในแต่ละเดือน ต่างกันตรงที่คุณได้เป็นเจ้าของบ้านด้วย ผิดกับการเช่าที่จ่ายเงินไปแล้วแลกกับการอยู่อาศัยเท่านั้น
หากคุณเช่าบ้านมาสักระยะหนึ่งแล้ว ควรจริงจังในการเก็บเงินสักก้อนเพื่อซื้อบ้าน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกว่าการเช่าอยู่
ยิ่งเช่าอยู่นานเท่าไหร่เท่ากับคุณจ่ายค่าเสียโอกาสในการมีบ้านไปมากเท่านั้น
อย่าลืมว่า “บ้าน” เป็นทรัพย์สินที่มีแต่ทวีเพิ่มสูงขึ้น
“ปล่อยเช่าก็ได้ ขายต่อก็ราคาดี”
บรรดาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆนั้น
เท่าที่ผ่านมามูลค่ามักมีแต่จะคงที่หรือเพิ่มขึ้น การมีบ้าน คอนโด หรือ ทาวน์โฮม
นั้น จัดว่าเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเพราะนอกจากคุณจะได้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยแล้ว
คุณยังสารถนำไปปล่อยเช่าเป็นรายได้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยแล้ว
คุณยังสามารถนำไปปล่อยเช่าเป็นรายได้ต่ออีกทางหนึ่ง
และคุณยังสมารถนำดอกเบี้ยที่คุณใช้ผ่อนบ้านมาหักภาษีอีกต่ออีกทาง
ในขณะที่เมื่อคุณผ่อนไปเรื่อยๆจนยอดหนี้คงค้างลดลงกรรมสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของบ้านของคุณก็จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้นการซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ
นั้นมีแต่ได้กับได้เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง
“บ้านคือจุดเริ่มต้นของความมั่นคง”
จะมีที่ใดที่จะเป็นจุดเริ่มต้นขอความรัก
ความอบอุ่น และความผูกพัน ได้ดีเท่าที่บ้าน
เพราะบ้านไม่ใช่เป็นที่พักพิงแต่ยังก่อให้เกิดความรู้สึกดี ๆ
มากมายของสมาชิกในบ้าน ลองถามตัวเองว่าถามเวลาของตำแหน่งใหม่ของคุณหรือยัง ตำแหน่ง
“เจ้าของบ้าน”
ที่คุณเป็นหัวหน้าครอบครัว กับโลกใบเล็ก
ๆของคุณที่คุณจะใช้ชีวิตหลังจากการทำงานได้อย่างอิสระ ที่ที่มีคนคอยคุณกลับบ้าน
ที่ที่มีคนรอดูละครหลังข่าวเรื่องโปรดร่วมกับคุณ ที่ที่คุณเป็นคนสำคัญที่สุด
ที่ที่จะเติมเต็มเวลาและความผูกพันดีดีร่วมกัน สำหรับบางคน
บ้านอาจจะหมายถึงคอนโดห้องเล็กๆ หรือทาวน์โฮมเก๋ ๆ สักหลังที่อยู่ไม่ไกลที่ทำงาน
แต่บางคนบ้านอาจจะหมายถึงที่มีสนามรอบ ๆ มีพื้นที่สวนสำหรับปลูกต้นไม้ดอกไม้
มีที่สำหรับให้เด็ก ๆ วิ่งเล่น หรือธรรมชาติร่มรื่น ๆ
ให้คุณพ่อคุณแม่ได้พักผ่อนและแอบภูมิใจในตัวคุณหากได้คำตอบว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลังไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
ขอให้ความปรารถนานั้นเป็นจริงเพราะคุณเริ่มก้าวสู่ความมั่นคงแล้ว
ค่านิยมของคนว่ายังไงก็ต้องมีบ้านเป็นเป้าหมาย
เป็นเหมือนแรงผลักดัน เป็นแรงใจให้เรามีกำลังใจที่จะทำอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจ
อดทน และมุ่งมั่นที่จะกระทำให้สำเร็จ ซึ่งจะแตกต่างจากคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
เพราะคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง จะรู้สึกถึงความเฉื่อยชา
ไม่มีแรงผลักดันให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้า
เปรียบเหมือนกับจักรยานที่โซ่ไม่เคยหยอดน้ำมัน เวลาปั่นไปก็จะเกิดความฝืด
ทำให้ไปได้อย่างช้า ๆ
ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของคนเมืองกับพื้นที่ที่มีอยู่เท่าเดิม
การจับจองพื้นที่ให้กับตัวเอง
จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทุกคนต่างแสวงหาทุกวันนี้บ้านเล็กลง
บ้านหลังใหญ่ก็มีแต่แพงเหลือหลาย ทางออกที่ดีที่สุดของคนเมือง
นั่นก็คือการพึ่งพาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ที่ราคาประหยัด เพื่อการใช้ชีวิตในเมืองบางทีอาจเรียกว่า
“บ้าน” ของผู้คนยุคศตวรรษที่ 20 ก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามทั้งบ้านและบ้าน
ย่อมีทั้งข้อเด่นและด้อยตามความชอบของแต่ละบุคคล คราวนี่ เช่นเคย ศาตราจารย์
กิติมสักดิ์ ดร.สมัย เหมมั่น
เตรียมข้อมูลต่าง ๆ สำหรับคนเมือง เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตในบ้าน ได้รับรู้
และเข้าใจตั้งแต่วิธีการเลือก ตกแต่ง ออกแบบ
ไล่ไปจนถึงการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
ศาตราจารย์ กิติมสักดิ์ ดร.สมัย เหมมั่น
รองกรรมการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
6 มิถุนายน 2556
เปิดทางสู่...บ้าน ทันสมัย
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
หรือในภาษาไทยทางการเรียกว่า “บ้านโมเดิล” ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 ได้ให้ความหมายไว้ว่า
บ้านคืออาคารที่บุคคลสามารถแยกการถือกรรมสิทธิ์ออกเป็นส่วน ๆ โดยแต่ละส่วนประกอบด้วยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคล
และกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินส่วนกลาง พูดง่าย ๆ บ้านอก็เหมือนกับบ้านหลาย ๆ
หลังที่อยู่ในโครงการจัดสรรที่พักอาศัย อยู่บนพื้นที่เดียวกัน
ใช้พื้นที่ส่วนกลางซึ่งอาเป็นสวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ ที่จอดรถฯ ร่วมกัน
แต่จะมีกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในโครงการจัดสรร “บ้านโมเดิล”
ของตนแยกกันไป โดยใน บ้านแต่ละห้องประกอบด้วยห้องต่างๆ
แตกต่างกันออกไปตามขนาดของพื้นที่ใช้สอย
แต่สอยแต่ส่วนมากจะมีฟังก์ชั่นครบเหมือนกับบ้านเดี่ยวทั่วไป เจ้าของบ้าน
จึงสมารถตกแต่ง ปรับปรุง ดัดแปลงบ้านตนเองได้ตามใจชอบ
แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎ กติกา ที่ทางนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร (ผู้ดูแล
จัดการพื้นที่ส่วนกลาง) กำหนดและไม่ทำความเดือดร้อนถึงเพื่อนบ้านข้างบ้าน
รวมถึงทรัพย์สินส่วนรวมด้วย
เคล็ดไม่ลับ”รู้ก่อนซื้อ” บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
ปัจจุบันบ้าน นับเป็นปัจจัยของผู้ใช้ชีวิตในศูนย์กลางของเมือง และชานเมือง ราคาถูก
เพราะช่วยเรื่องความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของคนมากขึ้น เมื่อคุณตัดสินใจจะซื้อ
บ้านสักโครงการ และเข้าอยู่อาศัยสิ่งที่คุณควรคิด และตระหนักมีอยู่ลายข้อ
และไม่ควรละเลย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง
1) ทำเล ความสะดวก
โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
ใกล้นิคมอุตสาหกรรมลำพูน เลขที่ 99 หมู่ที่ 17 ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน พื้นที่ฝั่งตะวันออกของเชียงใหม่
บนตำแหน่งพื้นที่บ้านธิ-สันกำพง จะถูกพัฒนาให้เป็นเมืองใหม่
และเป็นไปได้จะมีสนามบินแห่งใหม่อยู่บนพื้นที่ใกล้ๆแห่งนี้ด้วย
เมื่อหริภุณไชยลำพูน
จะยังคงถูกวางแนวเส้นให้เป็นเมืองอุตสาหกรรม
แต่จะตีกรอบพื้นที่การอนุรักษ์เมืองเก่าให้คงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด
พร้อมกับประสานแนวโครงการข่ายคมนาคมพัฒนาระบบรถไฟรางคู่เชียงใหม่-ลำพูน เพื่อเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจ
เมื่อนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้เชียงใหม่เมืองเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการค้าเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านทางอากาศซึ่งในระยะ
5-10 ปี
จำเป็นต้องขยายเมเมืองใหม่เพื่อรองรับ การเติบโตและความแออัดของเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน
โดยกรมโยธิการและผังเมืองจะกำหนดตำแหน่งของสนามบินแห่งใหม่เพื่อรองรับความเป็นศูนย์กลางการบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนับสนุนการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่จัดหวัดลำพูนด้วย
ซึ่งสนามบินแห่งใหม่น่าจะเกิดขึ้นหลังจาก 10 ปีนับจากนี้
ส่วนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้น่าจะอยู่ในพื้นที่บ้านธิ-สันกำแพง ที่จะมีถนนวงแหวนรอบนอกเชื่อมโยงอีก 1
เส้นระหว่างแม่โจ้ –สนามบินแห่งใหม่ –นิคม
อุตสาหกรรมจังหวัดพูน-อำเภอป่าซาง ลำพูน
โยหลักการคือผู้ที่เดินทางมาจากอำเภอฝาง ไม่จำเป็นจะต้องเข้าเมืองเชียงใหม่
และจะมีโครงการรถไฟฟ้าไปที่สนามบิน ซึ่งทำให้เกิดพื้นที่เมืองใหม่ที่จะโตที่
บ้านธิ-สันกำแพง ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ทัศตะวันออกของเมือง
เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่สุด
และโครงการสร้างเมืองใหม่ก็เคยมีการศึกษาไว้เมื่อกว่า 10 ปี
ที่ผ่านมาตามโครงการพัฒนาเมืองแฝดเชียงใหม่ – ลำพูน
2. ราคา –
งบประมาณ ที่โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูนเลือกใช้บ้านบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
เชียงใหม่-ลำพูน เข้าโครงการของสำนักงาน BOI นับเป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ดร.สมัย เหมมั่น กล่าวว่า
การใช้ราคาที่ต่ำกว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดถือว่าเปรียบคู่แข่งในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน
โครงการ บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
เป็นแบบอย่างที่ดี นั้น
“ปกติแล้วขึ้นอยู่กับราคาของทำเล
ทีดิน การก่อสร้าง และสิ่งอำนวยความสะดวก”
ส่วนเรื่องงบประมาณขึ้นอยู่กับตัวคนซื้อว่าตั้งงบประมาณไว้ในใจเท่าไหร่ “คิดละเอียดเป็นตารางเมตรจะดีมาก เพราะงบนี้จะบอกด้วยว่า
ควรซื้อที่พักอาศัย โครงการ บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน ดีกว่า แน่นอนว่า แต่ละคนมีงบประมาณต่างกัน ราคาทำเลก็ต่างกัน
“ปัจจุบัน โครงการจัดสรรใจกลางเมืองและชานเมืองแถว
เชียงใหม่ ลำพูนต่อตารางเมตรค่อนข้างสูง แต่ว่ามันจะมีโครงการจัดสรร
ที่ราคาต่ำไปอีกนิดหนึ่ง หากยังมีโลเกชันที่ดีใกล้เคียงกันเช่น หางดง สันกำแพง
โครงการของ เชียงใหม่ ไฮแลนด์ กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท บนเส้นทางสู่สันกำแพง ถนนทางหลวงหมายเลข
1317
ต. ออนเหนือ กิ่งอำเภอแม่ออน จ.เชียงใหม่
บริษัทม่อนพญาพรหม จำกัด ในเครือ บริษัท สนามกอล์ฟเมืองแก้ว
โครงการบ้านจัดสรร
กลุ่มกุลพันธ์วิลล์ ตั้งอยู่ 333
หมู่ที่ 13 ถนนเชียงใหม่-หางดง
บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่
โครงการที่ดินในสนามกอล์ฟ เชียงใหม่ กรีนวัลเลย์ จ.เชียงใหม่ ติดถนนโครงการ
ต่างก็มีราคาเกิน 2.5 ล้านบาทต่อหลัง
“ถ้าเป็นคนมีงบน้อย
ก็คงต้องดูต่อไปถึงเรื่องพื้นที่ใช้สอยต่อตารางเมตร” ไม่ต้องดูหลาย
ๆ ที่ก็ดีเหมือนกัน ตัดสินใจว่า ราคาและสิ่งต่าง ๆ ถูกใจมากสุด “นอกจากนี้อย่าลืมนึกไปถึงเรื่องเงินจอง เงินทำสัญญา เงินดาวน์
ค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิ์ และค่าบำรุงรักษาส่วนกลางคิดว่า ไม่เกินความสามารถ
เท่าไหร่ต่อตารางเมตร ทำให้โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์
นครเชียงใหม่ไม่เกินความสามารถเท่าไหร่ต่อตารางเมตร
ทำให้โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูนเลือกโครงการที่
BOI สนับสนุนการธุรกิจ เสนอราคาที่ต่ำ อบสนองของผู้บริโภค
เพียง 1,99 ล้านบาทต่อหลัง ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง
ที่นำเสนอสินค้าประเภทเดียวกัน จำหน่าย มีส่วนต่างกันถึง 500,000 บาท
3.) ทำเลห้อง/ทิศทาง โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน ดร. สมัย เหมมั่น
บอกว่าแต่ละโครงการออกแบบแตกต่างกัน ทำเลแม้จะเป็นสิ่งที่ดูยากที่สุด
แต่ควรดูเยอะๆสุดเหมือนกัน
อีกทั้งนึกถึงตัวเองมากที่สุดคิดว่าเมื่อย้ายไปอยู่แล้วจะมีความสุขไหม” ตรวจดูให้รอบๆ ว่าบ้านที่อาศัย ที่เราเลือกเป็นอย่างไร มีลม มีแสงไหม
บางคนอาจไม่ชอบให้แสงเข้าห้อง ในตอนบ่าย
เพราะจะทำให้บ้านร้อนมากหรือห้องบางมุมไม่มีแสงแดดเข้าเลยทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย “ฉะนั้น ผู้ประกอบการโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน จัดการออกแบบที่ลดปัญหาสิ่งนี้ มีจุดเด่น
เวลาซื้อเซลส์อาจจะบอกเลยว่ามุมนี้ ได้แสดง ได้ลม ได้อากาศ หรือเพดาน หรือ
เพดานต่ำเกินไปไหม” เลือกหลังมุม หน่อยอาจจะได้วิวทัศน์ดี
สามารถเปิดหน้าต่างรับลมได้ดี ส่วนเรื่องรูปลักษ์อาคารก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการ
ตัดสินใจ “เลือกให้ตรงกับใจเรา หรือเลือกแบบกลางๆ
ขึ้นอยู่กับรสนิยมด้วย”
พื้นที่ใช้สอย
โครงการจัดสรรบ้าน โดยทั่ว ๆ ไป
ต้องใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยทุกตารางเมตรให้คุ้มค่ามากที่สุด เหตุเพราะ
พื้นที่น้อยที่จำกัด ฉะนั้น ควรต้องเลือกและดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แต่ก็ใหญ่กว่าบ้าน ทั่วไปที่ บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน ทำอยู่ ที่มีความชำนาญมากเป็นพิเศษ”พิจารณาให้แน่ใจว่า
โครงการเขาออกแบบมาอย่างดี น่าอยู่
คิดวิเคราะห์สัดส่วนพื้นที่ใช้สอย ก่อนออกแบบดีกว่าทุกโครงการใน ทำเลเดียวกัน
เพราะขนาดพื้นที่ห้องมีผลต่อผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าคุณจะอยู่คนเดียวหรือ 2 คน”
ผู้ประกอบการออกแบบที่มีประสบการณ์เยอะ ทุกครั้งก่อนออกแบบ
พวกเขาต้องมานั่งนึกการใช้ชีวิตประจำวันของคน ว่ามีความต้องการอะไรบ้าง
ดูความเหมาะสมทุกอย่างว่า อะไรควรวางตรงไหน”โครงการ
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน มีการกำหนดดีไซน์ไว้ตายตัวว่าอะไรต้องวางตรงไหน
ถ้าจัดวางไม่ดี หรือไม่มีกฎข้อบังคับนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรด้วย มิฉะนั้น
จะกลายเป็น .”สลัมลอยฟ้า”
แทนออกแบบให้ระเบียงหน้าชั้นสองส่วนเรื่องของระเบียงทั้งสองยืนยันจะมีหรือไม่มีก็ได้
แต่ถ้ามีก็ทำให้ความเป็นอยู่สมบูรณ์ขึ้น “ มีระเบียงก็ดี
เพราะนั่นคอส่วนที่ทุกคนอยากได้เอาไว้วางแอร์ หากเป็นคนชอบปลูกต้นไม้
มีระเบียงก็ดีไม่หยอกเพราะให้ความสดชื้น เป็นธรรมชาติ แต่ถ้าไม่มี
ก็พิจารณาเอาว่าทางโครงการเขาจัดสวน หรือสถานที่พักผ่อน และอื่นๆ
ตามที่เราต้องการหรือไม่ นอกจากนี้หน้าต่าง น่าจะมีหลายๆ
บานเอาไว้เปิดรับลมธรรมชาติ “วันธรรมดา
ตื่นเช้ามาทุนคนอาจไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์
แล้วต้องอยู่ห้อง คิดดูว่าเราจะอยู่อย่างไรโดยไม่มีหน้าต่าง
เปิดแอร์ก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน
ทางที่ดีห้องนอนกับห้องพักผ่อนควรมีหน้าต่างเยอะๆ เอาไว้ชมวิวได้ด้วยเป็นที่สุด “ทั้งนี้ เรื่องความสะอาดในพื้นที่ต่างๆ
จำเป็นมากโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนครัวกับพื้นที่พักผ่อน ต้องแยกส่วนกันเด็ดขาด
อีกทั้งครัวควรมีท่อระบายอากาศที่ดี ไม่มีกลิ่นเหม็นขณะทำอาหาร “ ห้องน้ำก็แยกพื้นที่เปียก พื้นที่แห้งเพื่อความสะดวกและสุขสะดวกสุขอนามัยในการใช้สอย
ดร.สมัย เหมมั่น รองกรรมการให้คำแนะนำการเลือกหาที่ดีๆ
5. ชื่อเสียงผู้ประกอบการ –
การก่อสร้าง ทุกวันนี้ภาพลักษ์ของผู้ประกอบการ ถือว่ามีความสำคัญอันดับต้นๆ
ที่ต้องพิจารณา เพื่อประกอบการตัดสินใจ”
จุดนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนกลัว บางทีจองแล้วสร้างไปครึ่งเดียว เกิดหยุดสร้างกลางคัน
เพราะงบหมด “ ทุกโครงการ เริ่มเปิดโครงการที่ 1 ถึง 10 จำหน่ายหมดทุกโครงการมีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ทีมงานบริหารงานมกกว่า 10
ปียอดโครงการรวมแต่ละโครงการมากกว่า 400 ล้านบาท
มีประสบการณ์ที่ดีทั้ง สถาบันการเงิน
และชื่อเสียงการตอบรับของลุกค้าที่อบสนองที่ดีตลอดมา”
ต้องดูย้อนกลับการเงิน และชื่อเสียงการตอบรับของลูกค้าที่ตอบสนองที่ดีตลอดมา “ ต้องดูย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ที่เขาทำ ความน่าเชื่อถือต่อธนาคาร
ระบบการเงิน งบการก่อสร้าง
“บางบริษัทที่เปิดทำโครงการใหม่ๆ
อาจไม่ค่อยทราบหรือละเลยละเอียด บางอย่าง เมื่อสร้างไปทำให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง
แต่ผู้ประกอบการที่ผ่านมาประเภทนี้มานาน มักจะรู้ว่าอะไรดีไม่ดี “บางแห่งเป็นบริษัทที่ไม่ได้ทำแบบครบวงจรคือขายโครงการเพียงอย่างเดียว
แต่ไม่ได้จัดการในส่วนนิติบุคคล
ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการบริหารพื้นที่ส่วนกลาง”
เช่นนั้นบริษัทที่ดีควรดูแลตั้งแต่ต้นจนจบบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรโครงการที่ดี มีผู้พัฒนา
และบริการจัดการอาคารที่ดี นั้นเท่ากับ ตัวคุณได้เลือกเพื่อนบ้านที่มีรสนิยมเหมือนกันปแล้วส่วนหนึ่ง
“
เหมือนกับการสกรีนคนรอบแรกการคัดเลือกลูกค้าของบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่
– ลำพูน หรือเลือกกลุ่มเป้าหมาย “
รวมถึงคุณอาจสอบถามจากบริษัทที่ดูแล โครงการจัดสรร บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
นครเชียงใหม่-ลำพูน ได้ว่า วัสดุที่ใช้ก่อสร้างมีความแข็งแรง
คงทนเพียงใด เป็นวัสดุชนิดไหน หรือ วัสดุที่ใช้กั้นห้องมีความหนาเพียงใด
มีเสียงเสร็จไม่สามารถทำได้ “
เพราะนี่คือคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อาศัย
6) พื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภค โครงการ
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
เรื่องราวเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับผู้จะเข้าอยู่อาศัย แต่ส่วนใหญ่
มักไม่ศึกษารายลเอียดทรัพย์สินส่วนกลางซึ่งมีผลกระทบอย่างมาก”บางโครงการเป็นทรัพย์สินของผู้ประกอบการ
ผู้ซื้อต้องเสียค่าใช้จ่ายกับทรัพย์สินนั้น ถ้าไม่กระทบกับชีวิตและความสุขของเจ้าของร่วมอื่นๆ
ก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ส่วนมากมักมีความเห็นไม่ตรงกัน “รวมถึงระบบสาธารณูปโภค
ก็มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตแต่ละวัน “ ตรวจสอบระบบน้ำ
ระบบไฟเป็นอย่างไร ในกรณีที่อยู่ชั้นสูงๆ น้ำประปาไหลแรงเพียงพอหรือไม่ “ ศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์ ดร.สมัย
เหมมั่นรองกรรมการบริษัท ฯ เน้นหนัก
ก่อนลูกค้าย้ายเข้าไปอยู่ในโครงการจัดสรรหมู่บ้านบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
นครเชียงใหม่-ลำพูน หากเกิดไฟดับ
มีระบบไฟฉุกเฉินเพียงพอหรือไม่ การรักษาความปลอดภัยเข้มงวดไหม
รวมไปถึงเรื่องการจัดเก็บขยะ การจัดส่งไปรษณีย์ มีการติดตั้งเครื่องตรวจควันหรือหัวฉีดน้ำในตัว
อาคารหรือไม่ ทางบันไดหนีไฟได้มาตรฐานเพียงใด “นอกจากนี้สอบถามที่จอดรถมีเพียงพอต่อจำนวนคนที่พักหรือไม่
โครงการบ้านซันซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่ – ลำพูน
ให้ความสำคัญเป็นอย่างที่สุด จึงสร้างถนนเมน กว้าง 14 เมตร
ตลอด
โครงการ ส่วนถนนซอย กว้าง 9 เมตร กว้างมากที่สุด
ในโครงการจัดสรรยื่นจนทะเบียนการจัดสรร ระบบบำบัดน้ำ ในบ้าน บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
นครเชียงใหม่ – ลำพูน เลือกใช้ ถังบำบัดของ พัสต์ p2000
ขนาดความจุ 1800 จำนวน สองจุดรวมที่ไม่มี
โครงการใดทำมาก่อน เพราะคำนึงธรรมชาติที่เป็นสำคัญ พร้อม
สวนสาธารณะที่มีต้นไม้ใหญ่ที่สวยงามร่มรื่นมากมายเป็นรูปประธรรม
ประเด็นขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบแบบไหนแต่ควรดูเพิ่มเติมสักนิดมีถนนกว้างมากๆไหม
มีลานจอดรถสำหรับผู้มาติดต่อหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจะทำให้คุณรำคาญใจก็เป็นได้
ที่ต้องมาแย่งจอดรถกับคนภายนอก
7) สัญญาตินิติกรรม ที่โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
นครเชียงใหม่ –ลำพูน เลือกใช้กับลูกค้า
โดยปกติผู้ซื้อทั่วไปมักละเลยต่อรายละเอียดของสัญญา เนื่องจากมีเนื้อหาค่อนข้างมาก
และเป็นตัวบทกฎหมายส่วนใหญ่”ทางที่ดีควรมีนักกฎหมายแนะนำ
หรือไม่มีก็อ่านให้ละเอียด เพื่อทราบถึงสิทธิ ผลประโยชน์ ที่คุณได้รับหรือเสีย
ผลประโยชน์ของคนซื้อ “ กรณีของ โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
นครเชียงใหม่ – ลำพูน กำหนดใช้สัญญา ส.ค.บ
ที่คุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลักไม่ทำสัญญาเอง
8) ระเบียบเงื่อนไขและนิติบุคคล
หมู่บ้านจัดสรรบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่ –ลำพูน
อย่างไรก็ตาม
ระเบียบข้อบังคับหรือกฏเกณฑ์ต่างๆ จะแตกต่างกันไปแต่โครงการจัดสรร
และคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าทุกโครงการจัดสรร
จะต้องจัดตั้งนิติบุคคลข้าดูแลทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายส่วนกลาง “
ผู้ซื้อต้องทราบว่าหลังจากรับมอบโครงการใครจะเป็นผู้เข้ามาดูแลเรื่องต่างๆ
ในโครงการจัดสรร “
อธิบายถึงวิธีการคำนวณค่าใช้จ่ายพื้นที่ส่วนกลางทุกอย่าง
และต้องทราบถึงค่าใช้จ่ายส่วนกลางเท่าไหร่ต่อเดือน โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์
นครเชียงใหม่-ลำพูน สนับสนุนให้มีการจัดตั้งนิติบุคคลที่ทุกโครงการตลอด
“
การบริหารค่าใช้จ่ายส่วนกลางของนิติบุคคลจะคำนวณจากค่าใช้จ่ายส่วนกลางของนิติบุคคลจำคำนวณจากค่าใช้จ่าย
โดยเก็บค่าใช้จ่ายส่วนกลางจากตัวเลขของค่าใช้จ่าย
ซึ่งมีการวางแผนตั้งแต่เริ่มแรกว่าต้องมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่
ก่อนนำไปหารเป็น
ตารางเมตรก็จะรู้ทันทีว่าราคาเท่าไหร่และที่
ต้องทราบถึงระเบียบถึงระเบียบข้อปฏิบัติ และข้อห้ามนิติบุคคล เอาไว้ก่อนซื้อด้วย
ว่าเข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวันของคุณหรือไม่.. ก็คุณต้องใช้ชีวิตที่นี่อีกนานไม่ใช่หรอ “ ทางโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
เป็นคนกำหนดระเบียบกลางตามกรมส่งการจัดสรรกำหนดและจะเป็นคนกำหนดระเบียบต่างๆ ขึ้น
อาทิ ห้ามเปิดร้านเตาแก๊ส ห้ามวางแอร์ออกนอกอาคารห้ามจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น
ห้ามตากผ้า ห้ามเลี้ยงสัตว์เป็นต้น จากนั้นเมื่อทางโครงการแงตั้งบุคคลอาคารชุดเข้ามาดูแล
ทางโครงการก็จะบอกถึงกฎระเบียบส่วนกลางให้นิติบุคคลอาคารชุดทราบต่อไป” กฎระเบียบคร่าวๆได้รู้ เน้นความปลอดภัยของลูกบ้าน เป็นหลัก
9) เลือกบ้านห้องตกแต่งเสร็จกับห้องเปล่า
โครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
“ขึ้นอยู่กับความพอใจ และไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อ
เพราะแต่ละคนที่ซื้อโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่ – ลำพูน ไม่ว่าจะแต่งเสร็จหรือห้องเปล่า ก็ต้องมีงบเตรียมไว้บ้างแล้ว “ สิ่งที่เห็นอันดับแรกคือราคาต่างกัน เพราะห้องตกแต่งเสร็จจะบอกค่าออกแบบ
ค่าช่าง ค่าเฟอร์นิเจอร์เสร็จสรรพ ส่วนห้องเปล่าเป็นห้องโล่ง
ผู้ซื้อต้องตกแต่งเอาทั้งหมด
“ หากโครงการไหนมีห้องตกแต่งเสร็จเยอะ
ราคาเฉลี่ยทุกอย่างก็ถูกลง สมมุติกระเบื้องเขาซื้อมาครั้งหนึ่งเยอะๆ
สักพันตารางเมตรกับซื้อเอง 20 ตารางเมตร
ราคามันต่างกันอยู่แล้ว ค่าแรงก็เหมาเฉลี่ย”
หรือหากคุณมีงบประมาณ แต่งเองก็ได้ แต่ถ้าไม่มีถึง
เลือกที่ทางโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
ออกแบบที่มีความโดดเด่นแบบ โมเดิลที่ไม่มีใครเหมือนในย่านนี้
ที่เหมาะสมราคาที่สนใจ “
สิ่งที่ลูกค้าชอบแบบตกแต่งเสร็จก็คือเข้ามาแล้วไม่ต้องการทำอะไรยกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว
เข้าอยู่ได้ทันที “ แถมเลือกได้เหมือนกัน
เพราะก่อนสั่งตกแต่ง บางโครงการจะให้เลือกว่าเอาเฟอร์นิเจอร์แบบไหนเช่น
กระเบื้องปูพื้น สีผนัง “ จุดนี้เอง
ทำให้แต่ละห้องมีข้อต่างกัน “ส่วนคนซื้อห้องเปล่า ตกแต่งเอง
อาจได้ไลฟ์สไตล์ที่ถูกใจ โดนใจ ไม่ซ้ำใคร “ เพราะคุณเป็นคนกำหนดงบประมาณเอง
อยากได้อะไร ชอบแบบไหน ก็ซื้อมาตกแต่ง แต่ต้องดูละเอียดเรื่องพื้นที่ใช้สอยด้วย
แบบแปลน รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ต้องคิด แก้ปัญหาเอง”
สำคัญที่สุด ต้องอยู่สบาย มีความสุข บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นคร
เชียงใหม่-ลำพูน จัดนักออกแบบที่มีความสามารถในการออกแบบเพิ่มเติมไวบริการฟรี
ที่สำนักงานก่อสร้างพร้อมคำชี้แนะที่มีความรู้ พร้อมให้คำตอบกับลูกค้า
10. ตรวจสอบ
ก่อนโอน โครงการ บ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
เมื่อสร้างเสร็จ
ก็เตรียมย้ายเข้าอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าของโครงการกับผู้ซื้อที่ต้องตรวจสอบทุกอย่างด้วยความละเอียดถี่ถ้วนว่า
สิ่งที่เขาก่อสร้างถูกต้องตามแปลน ของโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน มีอะไรแก้ไขหรือไม่
“ปกติงานพวกนี้เป็นงานฝีมือ
ไม่ใช่งานเครื่องจักรที่ปั๊มออกมาแล้วจะเหมือนกัน ผนังบางส่วนอาจฉาบไม่เรียบบ้าง
ก็ดูว่า ดูดี ไม่มีปัญหาก็ทำเรื่องขอโอนไป”
ปกติคนทำโครงการบ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์
นครเชียงใหม่-ลำพูน
การก่อสร้างมีปัญหาหรือจะปรับเปลี่ยนอะไรเขาจะแจ้งลูกค้าก่อน เพื่อคุยกัน
เช่นกระเบื้องที่เราสั่งหมดสะต๊อก ไม่มีผลิตเพิ่ม ทางโครงการจะเอากระเบื้องสีที่ใกล้กันมาแทน
“มองว่าสะเปกสินค้าที่เอามาเปลี่ยน
คุณภาพต้องไม่ต่ำกว่าเดิม หรือเท่าเดิม” หากมีปัญหาก็แย้งไป
ไม่ต้องโอน เพราะเป็นสิทธิ์ของลูกค้าเอง หากทำไม่ตรงตามสัญญา ไม่ต้องกังวล
เพราะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเขามีกฎหมายคุ้มครองอยู่ เมื่อคิดจะซื้อโครงการจัดสรร
วาดหวัง และคิดว่ารายละเอียดทุกอย่าง ต้องเหมือนกับห้องตัวอย่างซะหมด นาย สมัย
เหมมั่น รองกรรมการ ให้ข้อคิด
ในการเลือกซื้อบ้านโครงการและให้ท่านที่สนใจเก็บเป็นข้อมูลการประกอบการตัดสินใจให้ลูกค้าซื้อบ้านในโครงการ
ศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์ ดร.สมัย เหมมั่น
รองกรรมการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
6 มิถุนายน 2556
วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน ปัญหาและอุปสรรค (SWOT Analysis) บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่ – ลำพูน
จุดเด่นหรือจุดอ่อน (Strengths)ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน
เป็นข้อดีที่เกิดจากสภาพแวดล้อมในบริษัท เช่น จุดแข็งด้านการเงิน
จุดแข็งด้านการผลิต จุดแข็งด้านทรัพยากรบุคคล
บริษัทต้องใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการกำหนดกลยุทธ์การตลาดนี้
(ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้)
จุดด้อยหรือจุดอ่อน (Weaknesses) ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน
เป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดสภาพแวดล้อมภายในต่างๆ ของบริษัทซึ่งบริษัท
จะต้องหาวิธีในการปัญญานั้น (ยังไม่สามรถเปิดเผยข้อมูลได้)
โอกาส
(Opportunities)ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก
เป็นผลจากการที่สภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทเอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กร
โอกาสแตกต่างจากจุดแข็งตรงที่โอกาสนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อม ภายนอก
แต่จุดแข็งนั้นเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายใน
นักการตลาดที่ดีจะต้องเสาะแสวงหาโอกาสอยู่เสมอ ปละใช้ประโยชน์จากโอกาสนั้น
(ยังไม่สามรถเปิดเผยข้อมูลได้)
อุปสรรค
(Threats) ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก
เป็นข้อจำกัดที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก
ซึ่งธุรกิจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องและพยายามขจัดอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้น
(ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้)
กลยุทธ์ทางการตลาด
เป็นแผนการดำเนินการใช้ช่วงระยะสั้น 3-6 เดือนโดยจะดำเนินการหาข้อมูลทางการตลาด เตรียมช่องทางการขาย
เครื่องมือเครื่องใช้ทางด้านการตลาด เตรียมช่องทางการขาย
เครื่องมือเครื่องใช้ทางด้านการตลาด
โดยทำการทดสอบเชิงรุกแบบเจาะจงเฉพาะกลุ่มลูกค้ารวมเป็นการปรับปรุงภาพลักษณ์และคุณภาพของโครงการ
และการจัดสรรระบบงานของโครงการเป็นหลัก ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
1.
จัดทำและดำเนินการติดตั้งป้ายบอกทางขนาดเล็กเข้าโครงการ
ขนาด 40x40 ซม.
ทำการติดตั้ง ทางเข้าโครงการด้านหน้า ผ่านลัดเละหมู่บ้านไปจนถึงซุปเปอร์ไฮเวย์ ,ด้านหลัง จากแยกบ้านธิ ออกไปเส้นนิคมฯ จนถึงทางแยกซุปเปอร์ เช่นกัน,เส้น จากแยกบ้านธิ ไปสันกำแพง,บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์
นับจากแยกนิคมไปลำพูน สองฝั่งซ้ายขวา,ไป
เชียงใหม่
ซ้ายขวา และไปลำปางซ้ายขวา ระยะ 10 กม.
จำนวน 500 แผ่น โดยประมาณ
2. จัดทำป้ายหน้าโครงการ ธงสี
และธงริ้วเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ของโครงการ
3. จัดทำป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่โฆษณาโครงการ จำนวนxxจุด
4. ปรับปรุงภาพลักษณ์ของโครงการโดยการปรับปรงบริเวณพื้นที่แปลงขายให้สวยงามตามความเหมาะสม
และปรับปรุงระบบไฟแสงสว่าง รอบแปลงขายรวมทั้งบริเวณอาคารสำนักงานขาย
5. จัดทำเอกสารประกอบการขายและจดหาเครื่องมือในการขาย
6. จัดหาสถานที่เพื่อทำแผนการขาย
7.จัดหาพนักงานขายแบบชั่วคราวเฉพาะกิจกรรมแต่ละครั้ง จำนวน x คน
8. จัดหาอุปกรณ์สนับสนุนการขาย
เช่นยานพาหนะและเครื่องมืออุปกรณ์
กลยุทธ์ทางด้านการขาย
จัดการขายโดยแบ่งเป็นการขาย แบบขายตรงและแบบขายแบบผ่านตัวแทน
โดยการขายตรงจะใช้การขายบนอินเตอร์เน็ตและการจัดบู้ทการขายในงานอีเว้นท์ต่าง ๆ
รวมทั้งการตั้งจุดขาย ณ กลุ่มเป้าหมายหลักเพื่อนำเสนอโครงการให้กลุ่มเป้าหมาย
ด้านการขายแบบผ่านตัวแทน(ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้)แผนการตลาด
เนื่องจากในระยะเริ่มต้นยังไม่มีบ้านตัวอย่างให้กับลูกค้าชม
จะใช้วิธีการขายที่ดินแล้วให้ลูกค้าเลือกแบบบ้าน
ตามที่เราได้คัดเลือกมาโดยจัดหาแบบบ้านที่สวยงามและเหมาะสมเช่น แบบบ้านสำเร็จรูป
แบบบ้านประหยัดพลังงาน โดยเน้นความเป็นโมเดิลสไตล์ไทยล้านนา
อันเป็นเอกลักษณ์ทางภาคเหนือ
ดำเนินการขอความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐ
หรือเอกชนเพื่อให้มาจัดงานต่าง ๆ ในสถานที่บริเวณใกล้ ๆ พื้นที่ขาย
หรือในอาคารคลับเฮาส์เพื่อชักจูงให้คนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ
ตัวอย่าง เอกสารประกอบการขาย และหน้าเวปไซต์
เวปลิ้งต่าง ๆ ที่แสดงภาพลักษณ์องค์กรทางสื่ออินเตอร์เน็ต
หมายเหตุ Pre-approved by……………… Pre-approved by……………… Pre-approved by………………
ผู้จัดทำโครงการ (ดรสมัย เหมมัน) (คุณประวิทย์ เริงโพธิ์)
Project
Manager CM/GM Managing Director
หมายเหตุ Pre-approved by………………
Pre-approved by……………… Pre-approved by……………… Pre-approved by………………
ผู้จัดทำโครงการ (ดรสมัย เหมมัน) กรรมการบริหาร ประวิทย์ เริงโพธิ์
Project
Manager CM/GM Managing
Director
เมกะโปรจ๊กต์รัฐถาโถมเชียงใหม่ สนามบิน 2 – ไฮสปีดเทรน – เมืองแฝด – เชียงใหม่อาย
เชียงใหม่โตไม่หยุด
สารพัดเมกะโปรเจ็กต์ถาโถมสู่เชียงใหม่ระลอกใหญ่ ทั้งสนามบินแห่งที่ 2 – เมืองแฝด –เชียงใหม่อาย
– ถนนวงแหวนรอบ 4 และไฮสปีดเทรน
ผู้ว่าฯ พัฒนาการท่องเที่ยวเต็มสูบหนุนสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นดอยหลวงเชียงดาว
พร้อมนำร่องอีโควิลเลตตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง
นายธานินทร์ สุภาแสน
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า
การขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของจังหวัดเชียงใหม่
และการที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาของภูมิภาคเหนือ
ทำให้จังหวัดเชียงใหม่ต้องกำหนดทิศทางการพัฒนาในหลายด้าน
โดยมัแผนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ (Mega Projects) ทั้งระบบโครงการสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมทางบกและอากาศ
การพัฒนาแหล่งท่อเงที่ยว ซึ่งโครงการทั้งหมดจะถูกกำหนดป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัด
และจะนำเข้าสู่การประชุม กรอ. กลุ่มจังหวัด ภาคเหนือตอนบน 1 (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน) เพื่อพิจารณาในวันที่ 24 มิถุนายน 2556 ที่จังหวัดลำปาง
โครงการขนาดใหญ่สำคัญๆ
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง
ซึ่งรัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในเฟสแรกปี 2557 ซึ่งโครงการนี้เป็นระบบไฟความเร็วสูงระหว่างเชียงใหม่
–กรุงเทพฯ ระยะทาง 680 กิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทาง 3.5 ชั่วโมง รองรับผู้โดยสารได้วันละ 34,800 คนต่อวัน ค่าโดยสสารประมาณ 1,200 บาท เงินลงทุน 300,000 ล้านบาท
ซึ่งโครงการนี้จะทำให้เชียงใหม่มีศักยาพในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
โครงการสนามบินแห่งใหม่(แห่งที่ 2 ) จะเป็นโครงการที่เตรียมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต
เนื่องจากปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2555
มีผู้มาใช้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่มากกว่า 4.5 ล้านบาท
ในข้อเท็จท่าอากาศยานเชียงใหม่มีความสามารถรองรับผู้ใช้บริการ 8 ล้านคน
ซึ่งหากท่าอากาศยานแห่งใดมีจำนวนผู้ใช้บริการเกินกุ่งหนึ่งของศักยภาพจะต้องวางแผนขยายท่าอากศยาน
อีกทั้งโครงการนี้ยังสอดคล้องกับการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation
Hub) ของภาคทางภาคเหนือ
ขณะนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่และท่าอากศยานจังหวัดเชียงใหม่
มีความเห็นร่วมกันที่จะนำเสนอโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่
2
ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมพื้นที่และความเป็นไปได้
ซึ่งพื้นที่ที่เหมาะสมและศักยภาพน่าจะอยู่ระหว่างแอ่งเชียงใหม่-ลำพูน บริเวณอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาเมืองแฝดเชียงใหม่ – ลำพูน ลำปาง
ซึ่งโครงการนี้จะผลักดันให้มีการเชื่อมระหว่าง 3 จังหวัด
เนื่องจากปัจจุบันเชียงใหม่มีความแออัดจำเป็นต้องมีการขยายเมืองออกไป
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางพัฒนาของภาคเหนือ
ขณะที่จังหวัดลำพูนและลำปางเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่
มีความเหมาะสมรองรับการเจริญเติบโตของเมืองในอนาคตได้ โครงการนนี้สภาพัฒน์ได้เคยศึกษาความเป็นไปได้แล้วว่ามีความเหมาะสมที่จะพัฒนาทั้ง
3 เมืองให้เป็นเมืองแฝด
“มอเตอร์เวย์ระหว่างเมืองเชียงใหม่
–เชียงราย เราก็จะนำเสนอในที่ประชุม กรอ.จังหวัด เพื่อพัฒนาระบบโครงข่ายโลจิสติกส์ระหว่างชียงใหม่ – เชียงราย จะขยาย 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร นอกจากนี้ ก็มีแผนทำถนนวงแหวนรอบ 4
เพื่อเชื่อมโยงถนนวงแหวนจำนวน 8 เส้นทาง ระยะทางกว่า 37 กิโลเมตร
รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนตามที่คณะรัฐนตรีมีมติให้ดำเนินการแล้ว “
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวอีกว่า
โครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว มีโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวดอยหลวงเชียงดาว
โดยจะก่อสร้างกระเช้าลอยฟ้าขึ้นสู่ดอยหลวงเชียงดาว ส่วนอีกโครงการสำคัญ
คือการพัฒนาชุมชนนิเวศ (Eco Village)
ซึ่งเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวของโลกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก โดยในปี 2556 ได้กำหนดพื้นที่นำร่องคือพื้นที่ตำบลออนได้ อำเภอสันกำแพง
ให้เป็นโมเดลที่จะพัฒนาพืนที่อื่นๆ ต่อไป
นอกจากนั้น
ยังมีแผนงานสำคัญเพื่อรองรับาคการท่องเที่ยว คือโครงการเชียงใหม่อาย (Chiag Mai Eye) โดยจังหวัดเชียงใหม่อาย
ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งโครงการจะประกอบด้วยชิงช้าขนาดใหญ่
มีความสูงประมาณ 120 เมตร
สามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง
จะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องเดินทางไปเที่ยวชมในจุดสูงสุด
เหมือนเป็นแลนด์มารฺกของเมือง ขณะนี้กำลังสรวจศักยภาพของพื้นที่ที่มีความเหมาะสม
………………………………………………………………………………………………………………
ศาสตราจารย์ กติมศักดิ์ ดร. สมัย เหมมั่น
รองกรรมการการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่ – ลำพูน
6 มิถุนายน 2556
เปิดทิศทางโตภาคเหนือ
เมืองใหม่สันกำแพง/สนามบินบ้านธิ
ในระยะ 5 ปีนับจากนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย
กำลังจะถูกตีกรอบการวางผังเมืองให้มีความเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะผังโครงข่ายคมนาคม
เพื่อรองรับความเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคอินโดจีน พื้นที่ฝั่งตะวันออกของเชียงใหม่
บนตำแหน่งพื้นที่บ้านธิ-สันกำแพง จะถูกพัฒนาให้เป็นเมืองใหม่
และเป็นไปได้ที่จะมีสนามบินแห่งใหม่อยู่บนพื้นที่แห่งนี้ด้วย
เมืองหริภุญไชยลำพูน
จะยังคงถูกวางแนวเส้นให้เป็นเมืองอุตสาหกรรม
แต่จะตีกรอบพื้นที่การอนุรักษ์เมืองเก่าให้คงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด
พร้อมกับประสานแนวโครงข่ายคมนาคมพัฒนาระบบรถไฟรางคู่เชื่อมเชียงใหม่-ลำพูน
เพื่อเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมเชียงใหม่กับเชียงราย
ในอนาคตจะมีการสร้างถนนเส้นใหม่จากอำเภอสันกำแพง – แม่ออน – คอวัง (อำเภอแจ้ซ้อน
ลำปาง) – อำเภอพาน (พะเยา) – เชียงราย
บทบาทของภาคเหนือที่ถูกวางให้อยู่ในตำแหน่ง
“ศูนย์กลางของอนุภูมิภาคในแถบอินโดจีน
ด้านการค้า การบริการ และอุตสาหกรรมทางการเกษตร” จึงน่าสนใจยิ่งกว่าหน้าตาของผังที่จะรองรับการเติบโตของเมืองในระยะ
50 ปีข้างหน้า จะเป็นเช่นไร
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 2 เรื่อง
การวางและจัดทำผังประเทศและผังภาค : วิสัยทัศน์การพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือโดยระดมสมองภาครัฐ-เอกชนในภาคเหนือ
เพื่อร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ตีกรอบผังภาคเหนืออย่างเป็นระบบ
วางตำแหน่งชัดเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคอินโดจีน
ดร.สุรพล คัชมาตย์
ผู้อำนวยการสำนักผังประเทศและผังภาค กรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง
ได้ดำเนินโครงการวางและจัดทำผังประเทศและผังภาค ระหว่างปี 2547-2549 ซึ่งการสัมมนาที่เชียงใหม่ครั้งนี้เป็นการดำเนินการเป็นครั้งที่
2 ต่อเนื่องจากครั้งที่ 1
ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมา
ซึ่งครั้งนั้นเป็นการระดมความคิดเห็นเพื่อให้ทราบถึงปัญหาและความต้องการของประชาชนในการพัฒนาพื้นที่ในระดับประเทศและระดับภาค
โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจะนำข้อเสนอแนะที่ได้รับจากประชาชน
หน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ไปปรับใช้เป็นแนวทางในการจัดทำผังอย่างบูรณาการในการทำงานแต่ละด้าน
เพื่อพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุลทั้งทางด้านกายภาพ
เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือพบว่ายังมีปัญหาหลายด้านได้แก่
1. การพัฒนาทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมืองส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
ศิลปวัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมของชุมชน ซึ่งการพัฒนาพื้นที่จังหวัดในภาคเหนือไม่เท่าเทียมกัน
การพัฒนาพื้นที่การค้าชายแดนไม่คำนึงเศรษฐกิจที่แท้จริงของเมือง 2.ทรัพยากรธรรมชาติ สภาพแวดล้อม และแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม
3.ขาดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
แหล่งต้นน้ำลำธาร ขาดการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบชลประทานให้ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรกรรมที่เหมาะสมและยั่งยืน
4.ขาดการพัฒนาโครงสร้างพื้นบานเพื่อรองรับการลงทุน
ขาดการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน 5.ปัญหามลภาวะจากโรงงานอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ จากการระดมสมองของประชาชน
หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในภาคเหนือพบว่าต้องการให้ผังภาคเหนือมีทิศทางการพัฒนาที่สมดุลทุกภาคส่วน
ได้แก่ 1.การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือ
ต้องคำนึงถึงพื้นที่พัฒนาตามแนว East – West Economic Corridor, North –
South Economic Corridor และโครงการพัฒนาในพื้นที่สำคัญเช่น GMS,
ASMECS เป็นต้น ซึ่งการวางแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจและพื้นที่
ต้องคำนึงถึงการอนุรักษ์ รักษาวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม
และทรัพยากรธรรมชาติให้อยู่ร่วมกันได้
พร้อมกับต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
2.พัฒนาให้ภาคเหนือเป็นศูนย์กลางในอนุภูมิภาค
พัฒนาพื้นที่ชุมชนชายแดน เป็นประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน 3.การวางแผนและผังพื้นที่ในอนาคต
ต้องคำนึงถึงการพัฒนาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของเมืองกับชนบท
ต้องวางให้เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ พัฒนา
และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
4.กำหนดขอบเขตการใช้ที่ดินประเภทต่าง
ๆ ให้ชัดเจนและเหมาะสม และพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการเกษตร ส่งเสริมเกษตรแบบชีวภาพ
พัฒนาผลผลิตปลอดภัยจากสารพิษ และส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการเกษตร ส่งเสริมการเกษตรแบบชีวภาพ พัฒนาผลผลิตปลอดภัยจากสารพิษและส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการเกษตร
5.ควรพัฒนาระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่งของพื้นที่ภาคเหนือให้เป็นระบบเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
และการพัฒนาระบบขนส่งแบบ One Stop Service 6.ส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้วให้มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม
ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะและสอดคล้องกับการพัฒนาในพื้นที่
7.ควรเร่งแก้ปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการและยั่งยืน
8.การพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพรองรับการพัฒนาประเทศ
และควรมีศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่น
ดร.สุรพล กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ด้านผังเมืองภายในระยะ 5
ปีนับจากนี้ จะเร่งพัฒนาผังของ 3
จังหวัดชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย
ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่าง
โดยเน้นหนักการสร้างโครงข่ายคมนาคมเต็มระบบเพื่อที่จะสามารถเชื่อมการค้ากับประเทศเพื่อบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
รวมถึงการค้ากับประเทศในกลุ่มอินโดจีนด้วย
วางผังบ้านสันธิ-สันกำแพงผุดเมืองใหม่
เชื่อมโครงข่ายคมนาคม 3 จังหวัด
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถูกวางตำแหน่งให้เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือ จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น ปัญหาการจราจร การอนุรักษ์เมืองให้คงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด การพัฒนาแหล่งน้ำแม่ปิง คลองแม่ข่า การบำบัดน้ำเสีย และการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถูกวางตำแหน่งให้เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือ จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่น ปัญหาการจราจร การอนุรักษ์เมืองให้คงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด การพัฒนาแหล่งน้ำแม่ปิง คลองแม่ข่า การบำบัดน้ำเสีย และการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม
เมื่อนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการค้าเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านทางอากาศ
ซึ่งในระยะ 5 – 10 ปี
จำเป็นต้องขยายเมืองใหม่เพื่อรองรับการเติบโตและความแออัดของเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน
โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจะกำหนดตำแหน่งของสนามบินแห่งใหม่เพื่อรองรับความเป็นศูนย์กลางการบินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สนับสนุนการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่จังหวัดลำพูนด้วย
ซึ่งสนามบินแห่งใหม่น่าจะเกิดขึ้นหลังจาก 10 ปีนับจากนี้
ส่วนพื้นที่ที่มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้น่าจะอยู่ในพื้นที่บ้านธิ-สันกำแพง ที่จะมีถนนวงแหวนรอบนอกเชื่อมโยงอีก 1 เส้นระหว่างแม่โจ้
– สนามบินแห่งใหม่ – นิคม
อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน – อำเภอป่าซาง ลำพูน
โดยหลักการคือผู้ที่เดินทางมาจาก
อำเภอฟาง
ไม่จำเป็นจะต้องเข้าเมืองเชียงใหม่
และจะมีโครงการรถไฟฟ้าไปที่ สนามบิน
ซึ่งทำให้เกิดพื้นที่เมืองใหม่ที่จะโตที่ บ้านธิ – สันกำแพง
ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ทิศตะวันออกของเมือง
เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด และโครงการสร้างเมืองใหม่ก็เคยมีการศึกษาไว้เมื่อกว่า
10 ปีที่ผ่านมาตามโครงการพัฒนาเมืองแฝด เชียงใหม่ – ลำพูน
ขณะเดียวกันการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมระหว่างเชียงใหม่กับเชียงราย
ในอนาคตจะมีการตัดถนนเส้นใหม่โดยยกร่างแนวเส้นทางแล้วจากอำเภอสันกำแพง – แม่ออน – คอวัง(อำเภอแจ้ซ้อน
ลำปาง) – อำเภอพาน (พะเยา) – เชียงราย
ซึ่งเส้นทางใหม่นี้มีเส้นทางเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับปรุง ในบางช่วง
และบางช่วงอาจต้องเจาะภูเขาที่ซับซ้อนเหมือนประเทศจีน
ซึ่งจะสามารถย่นระยะเวลาเดินทางจากเชียงใหม่ – เชียงราย ให้เร็วมากยิ่งขึ้น โดยถนนเส้นนี้จะเป็นถนนไป 1 เลน มา 1 เลน
ที่ชาวบ้านสามารถข้ามถนนเชื่อมโยงถึงกันโดยสังคมชุมชนเดิมยังคงอยู่ ซึ่งเป็นข้อเสนอของชาวบ้านหลังจากได้รับบทเรียนจากถนนหลวงสายดอยสะเก็ตที่ตัดขาดความเป็นชุมชนสองฝั่งออกจากกันโดยสิ้นเชิง
ส่วนจังหวัดเชียงรายตัวเมืองจะยังเป็นศูนย์กลาง และมีกลุ่มเมืองโดยรอบเช่น อำเภอแม่สาย เวียงเชียงแสน
อำเภอเชียงของเป็นประตูส่งออกสินค้าและอุตสาหกรรม และพื้นที่พัฒนาใหม่อยู่ที่อ.เทิง ขณะเดียวกันการพัฒนาอุตสาหกรรมการค้า การขนส่งก็จะต้องดูแลการอนุรักษ์โบราณสถานควบคู่กันไปด้วย
โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำเชียงแสน
ส่วนจังหวัดลำพูน
ในอนาคตจะยังคงเน้นในภาคอุตสาหกรรมส่งออกแบบไม่มีมลพิษ
ขณะเดียวกันจะตีกรอบพื้นที่การอนุรักษ์เมืองเก่าให้คงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุดเนื่องจากเป็นเมืองที่มีโบราณสถานมาก เช่นการอนุรักษ์พื้นที่แม่น้ำกวงฝั่งตะวันตกและพัฒนาให้เป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบ
ส่วนด้านตะวันออกต่อเนื่องจากพื้นที่อุตสาหกรรมเดินมาทางดอยติ ก็จะมีนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ ที่มีถนนเลี่ยงเมืองเส้นใหม่ ที่มีถนนเลี่ยงเมืองเส้นใหม่มารองรับ รวมทั้งกำลังจะมีโครงข่ายคมนาคมคือการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่เชื่อมเชียงใหม่
– ลำพูน เพื่อเอื้อต่อระบบเศรษฐกิจ
ทั้งนี้
คาดว่าการพัฒนาผังของทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าว
จะต้องใช้งบประมาณจังหวัดละประมาณ 4,000 – 5,000 ล้านบาท. โดยขณะนี้กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ยกร่าง
แล้วจะนำเสนอกระทรวงมหาดไทยปลายเดือนมีนาคมนี้
ซึ่งเมื่อกระทรวงเห็นชอบแร้ว
จะมีคณะกรรมการชุดใหญ่ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัดเป็นกรรมการด้วย และกราโยธาธิการละผังเมืองเป็นฝ่ายเลขาฯ พิจารณาอีกขั้นหนึ่ง
........................................................................................................................................................
ศาสตราจารย์ กิติมศักดิ์ ดร.
สมัย เหมมั่น
รองกรรมการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์
นครเชียงใหม่-ลำพูน
6 มิถุนายน 2556
ทุ่มปั้นเชียงใหม่เมืองลองสเตย์
โยงเที่ยว 4 จังหวัด อัพรายได้หมื่นล้านบาท
กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ผลักดันธุรกิจลองสเตย์เต็มที่
วางเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการท่องเที่ยว เผยญี่ปุ่นเข้ามาปักหลักแล้วกว่า 3 หมื่นคน คาดจะเติบโตอีก
20% ชี้กฎระเบียบภาครัฐและภาษายังเป็นอุปสรรค
เอกชนชี้ต้องแบรนดิ้งเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางเมืองลองสเตย์ ดันรายได้พุ่งปีละหมื่นล้าน
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า
เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการค้าของภาคเหนือ
มีข้อได้เปรียบด้านการท่องเที่ยว
มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปีละหลาย 10 ล้านคน ดังนั้นกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1(เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง
และแม่ฮ่องสอน) มีความพร้อม
สามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว หรือ Long
Stay ในอนาคตได้
โดยมีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางที่จะเชื่อมโยงภาคการท่องเที่ยวแบบลองสเตย์ไปยังทุกจังหวัดในกลุ่ม
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือการแพทย์(Medical Tourism) เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกลุ่มจังหวัด โดยให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical
Hub) ในภูมิภาค
ซึ่งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจทุกลุ่ม เช่น
โรงพยาบาล คลินิก บริษัทท่องเที่ยว โรงแรม สถานพักฟื้น นวดแผนไทย สปา
ในอนาคตอันใกล้จะมีผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นเดินทางมาพำนักที่เชียงใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า
20% ปัจจุบันเข้ามาพำนักอยู่แล้ว
3,800 – 4,000 คน
และยังมีผู้สูงอายุประเทศอื่นอีกในสัดส่วนใกล้เคียงกัน จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 6,000
– 7,000 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุหรือวัยปลดเกษียณชาวญี่ปุ่นมี
ประมาณ 8 แสน – 1 ล้านคน
และมีผู้ที่อายุเกิน 60 ปีในญี่ปุ่นประมาณ7-8 ล้านคน โดยสัดส่วน 18%
จะชอบเดินทางไปพำนักในประเทศอื่นๆ ดังนั้น จะต้องทำให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เป็นพื้นที่เป้าหมายที่ชาวญี่ปุ่นจะต้องเดินทางมาท่องเที่ยวให้ได้
ด้านนายวิทยา ฉุยกลัด
ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่
กล่าวว่า
ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นมาพำนักอาศัยในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 กว่า 3 หมื่นคน ซึ่งมีส่วนสำคัญช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัด
ขณะนี้ได้สนับสนุนโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถเข้าใจตลาดลองสเตย์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างเครือข่ายกับภาคธุรกิจ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ การบริการสุขภาพ อาหาร
ที่พัก สันทนาการ การขนส่ง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดลองสเตย์ทั้งในและต่างประเทศได้
“โครงการจะเน้นการประชุมพบปะกันระหว่างผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจลองสเตย์ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน
กับตัวแทนชาวญี่ปุ่นที่พำนักในเชียงใหม่และเมืองอื่น ๆ
พร้อมทั้งมีโครงการการคัดเลือก
โรงพยาบาล ที่พัก
อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการสุขภาพ อาหาร ฯลฯ ประมาณ 30 คน
ไปร่วมทริปสำรวจศักยภาพและจับคู่ธุรกิจลองสเตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น”
ขณะที่นายเฉลิมชาติ นครังกุล
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่
กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าในปี 2593 ญี่ปุ่นจะมีผู้สูงอายุ
65 ปีขึ้นไป 50% ของประชากร
ทำให้เหลือวัยทำงานราว 30% ซึ่งในอนาคตเชียงใหม่จะเป็นเป้าหมายสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น หรือจากประเทศทางตะวันตกที่จะมาพำนักเพิ่มขึ้น
โดยหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่เล็งเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาธุรกิจลองสเตย์ เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุในอนาคต
นายณรงค์ คองประเสริฐ
ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือ 1
กล่าวว่า
การพัฒนาการท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาวของชาวญี่ปุ่นในจังหวัดเชียงใหม่เกิดจากศักยภาพของการเป็นเมืองน่าอยู่ ประกอบกับแนวโน้มของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของโลก
รวมทั้งแรงกระตุ้นจากค่าครองชีพและภัยพิบัติในญี่ปุ่น
เป็นตัวเร่งให้จำนวนผู้พำนักระยะยาวในเชียงใหม่เพิ่มสูงขึ้น
แม้ว่าจะมีปัญหาและอุปสรรคในเรื่องกฎระเบียบภาครัฐ ภาษา
และการตลาด
ทั้งนี้
เป้าหมายระยะสั้นคือจังหวัดเชียงใหม่ต้องเร่งสร้างแบรนด์เชียงใหม่ให้เป็นที่จดจำและเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกในใจของกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบลองสเตย์ และสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 5 พันล้าน ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือ
การกำหนดให้เชียงใหม่เป็นเมืองแรกที่นักท่องเที่ยวจะนึกถึงสำหรับการท่องเที่ยวแบบ
Long Stay ในทวีปเอเชีย และสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 หมื่นล้านบาท
ศาสตราจารย์ กิติมศักดิ์ ดร.
สมัย เหมมั่น
รองกรรมการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮาส์
นครเชียงใหม่-ลำพูน
6 มิถุนายน 2556
ค้าปลีกเชียงใหม่สะพรั่งทุนข้ามชาติ
การปักธงของทุนข้ามชาติเนเธอร์แลนด์
“พรอมเมนาดา รีสอร์ท
มอลล์ เชียงใหม่” และทุนจากส่วนกลาง “เซนทรัล” ที่ประกาศลงทุน “เซนทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่” อย่างเป็นทางการ
ทำให้อุณหภูมิการแข่งขันของสมรภูมิค้าปลีกใน
เชียงใหม่คึกคักอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เพราะมูลค่าการลงทุนของทั้งสองห้างสูงเกือบ 10,000 ล้านบาท
และมีพื้นที่ใช้สอยร่วมกันมากกว่า 3.2 แสนตารางเมตร
สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ ทุนใน
ท้องถิ่นส่วนกลาง
ต่างก็เทเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตาทั้งการลงทุนใหม่ การปรับปรุง(Renovate)
พื้นที่ใหม่
รวมถึงการเกิดขึ้นของคอมมิวนิตี้มอลล์ (community mall) จำนวนมากติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ
ขณะที่ฐานตลาดเดิม
จังหวัดเชียงใหม่มีศูนย์การค้าใหญ่ที่สุดในภาคเหนืออยู่แล้ว ซึ่งมีทั้งห้าง
”เซนทรัล แอร์พอร์ต พลาซ่า” พื้นที่อาคารใช้สอย 175,185 ตารางเมตร ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท รวมถึงห้างสรรพสินค้า “กาดสวนแก้ว” มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 290,000 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท
”เซนทรัล แอร์พอร์ต พลาซ่า” พื้นที่อาคารใช้สอย 175,185 ตารางเมตร ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท รวมถึงห้างสรรพสินค้า “กาดสวนแก้ว” มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 290,000 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท
ในอนาคตอันใกล้ภายในปี 2555-56 ห้างค้าปลีก ศูนย์การค้า
และคอมมิวนิตี้มอลล์ของเชียงใหม่
จะมีพื้นที่ขายมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร ยิ่งจะทำให้พื้นที่
ค้าปลีกทุกระดับในเชียงใหม่ติดอันดับเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคก็ว่าได้
ยักษ์เนเธอร์แลนด์ชนเซนทรัล
สิ่งที่สร้างความมั่นใจให้เกิดความลงทุนขนาดใหญ่ในเชียงใหม่ จากผลการ
สำรวจวิจัยของ บริษัท อีซีซี
อินเดอร์เนชั่นแนลเรียลเอสเตท
จำกัด
ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารจัดการห้างสรรพสินค้าชั้นนำสัญชาติเน
เธอร์แลนด์ ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมีประชากรในตัวเมืองและ ใกล้เคียงรวมกันกว่า 3 ล้านคน หรือ 11,000 ครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ความต้องการของผู้บริโภค รายได้ประชากร
และการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยและปริมาณแรงงานที่หลั่งไหลเข้าสู่ตัว จังหวัด
ข้อมูลดัชนีค้าปลีกของจังหวัดเชียงใหม่ ขยายตัวกว่า 250% นับตั้งแต่ปี 2545-2553 เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เป็นตารางเมตรของช็อปปิ้งมอลล์ที่ไม่เพิ่มขึ้นใน
ช่วง 10 ปีหลัง
ทำให้เห็นว่าเชียงใหม่ยังไม่ได้รับการตอบสนองในด้านแหล่งค้าปลีกอย่างเพียง พอ
นอกจากนี้ ห้างพรอมเมนาดาฯยังไม่ไม่ได้ว่าจ้าง ที เอ็น
เอสฯและเน็กซัสฯ ศึกษาวิจัยข้อมูลตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
พบว่าชาวเชียงใหม่ต้องการช็อปปิ้งมอลล์ที่แปลกใหม่
และผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมแสวงหาประสบการณ์การพักผ่อนและการช็อปปิ้งที่ตอบ
สนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มากขึ้น
นี่คือความมั่นใจของ
อีซีซี กรุ๊ป ที่ทุ่มลงทุนกว่า 3,100
ล้านบาท
เนรมิตห้างสรรพสินค้าแนวใหม่แบบรีสอร์ตมอลล์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ บนพื้นที่ 75,000 ตารางเมตร
ตั้งอยู่บนถนนบ้านสหกรณ์ ติดกับซูเปอร์ไฮเวย์และถนนวงแหวน รอบ 2 เตรียมเผิดตัวในช่วงปลายปี 2555
ทุนรายใหญ่อีกรายคือ ศูนย์การค้าเซนทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่
ทุ่มทุนสร้างบนทำเล สี่แยกศาลเด็ก ด้วยงบฯลงทุนรวมกว่า 6,000 ล้านบาท
เริ่มตอกเสาเข็มแล้ว มีแผนจะเปิดเดือนฟฤศจิกายน 2556
ทุนเชียงใหม่ใจปั้มลงทุนปรากฏการณ์เคลื่อนตัวของทุนขนาดใหญ่
ทำให้ทุนท้องถิ่นเดิมทั้งขนาดเล็กและใหญ่ขยับตัวกันอย่างคึกคักและเติบโต
อย่างก้าวกระโดด
เริ่มต้นจาก
“วีกรุ๊ป” ของ นายวัชชระ ตันตรานนท์
ประธานกรรมการบริษัท วีกรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร
และผู้บริหารโครงการเชียงใหม่ บิสสิเนสพาร์ค ได้ควักกระเป๋าลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท ก่อสร้างห้างสรรพสินค้าแฟชั่นค้าปลีก – ส่ง
“แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เชียงใหม่” บนพื้นที่
9 ไร่ ในโครงการเชียงใหม่บิสสิเนสพาร์ค
เพื่อเป็นศูนย์ค้าปลีก-ส่งเสื้อผ้าแฟชั่น
และไอทีใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ มีพื้นที่ขายกว่า 1.3
แสนตารางเมตร พร้อมที่จอดรถ 1.5 พันคัน
คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2556
ล่าสุด”ห้างกาดสวนแก้ว”ผู้บุกเบิกห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ของเชียงใหม่มาครบ
20 ปี ก็ประกาศรีโนเวดห้างครั้งใหญ่ เพื่อเปิดพื้นที่ใหม่อีก
70,000 ตารางเมตร
เพื่อรองรับร้านค้าที่จะเพิ่มอีกเท่าตัวพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 290,000 ตารางเมตร
ด้าน”กลุ่มวนัสนันท์”
ของนาย ชัดชาญเอกชัยพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี
ดีเวลอปเมนท์ จำกัด และประธานกรรมการบริษัท เชียงใหม่วนัสนันท์ จำกัด
ผู้ผลิตอาหารแปรรูป ของฝาก อาหารพื้นเมือง ภาคเหนือ ก็ได้ลงทุน 300 ล้านบาทผุดคอมมิวนิตี้มอลล์
บนถนนวงแหวนรอบกลางติดมหาวิทยาลัยพายัพภายใต้ชื่อ “วี
คอมมูนิตี้” มีทั้งคอนโดมิเนียม และวี พลาซ่า
ศูนย์การค้าขนาดย่อมบนพื้นที่ 3 ไร่
แห่ผุดคอมมิวนิตี้มอลล์วันนี้กระแสการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าศูนย์
การค้าขนาดใหญ่ก็คือ การเติบโตของห้างขนาดกลาง และคอมมิวนิตี้มอลล์
ของทุนท้องถิ่นเชียงใหม่ที่ถือว่าขยายสูงสุด จากเจ้าเดิมที่ลงทุนไปแล้ว เช่น
กาดฝรั่ง,มีโชคพลาซ่าและนิ่มซิตี้ เดลี่
ในปี
2555 กลุ่ม “ริมปิง” ของตระกูลตันตรานนท์ จะขยายเพิ่มอีก 3
สาขาภายในห้างพรอมเมนาดาในโครงการสตาร์อเวไลฟ์สไตล์มอลล์ และชญยล
คอมมิวนิตี้มอลล์
กลุ่ม
“นิ่มซี่เส็ง”
ลงทุนเพิ่มภายในโครงการเดิม “นิ่มซิตี้ เดลี่”
ชื่อโครงการ “Old Chiang Mai” คอมมิวนิตี้มอลล์เชิงวัฒนธรรมล้านนาลงทุนกว่า
200 ล้านบาท
ช็อปปิ้งเว็นเตอร์ยึดชุมชนทั้งนี้ ยังไม่นับรวมโครงการใหม่ ๆ
ที่จะเกิดขึ้นในย่านชุมชนสำคัญ เช่น 1)โครงการ L&H
ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่จะมีพื้นที่กว่า 1 แสนตารางเมตร
2) โครงการสตาร์ อเวนิว ไลฟ์สไตล์มอลล์ถนนมหิดล ลงทุนกว่า 550
ล้านนบาท 3) โครงการ The Chill Park ย่านหางดง 4) โครงการ @ curve ถนนช้างคลาน
สำหรับทุนส่วนกลางไม่น้อยหน้า
เริ่มต้นจากการปรับปรุงโรงแรมอมารี รินคำเดิมบนพื้นที่กว่า 11 ไร่ บริเวณ
สี่แยกรินคำเป็น LandscapePlaza ศูนย์การค้าที่คงไว้ซึ่งทิวทัศน์สวยงาม
,Retails Area-Thai Pavilion Concept ร้านค้าปลีกภายนสวนหย่อม มีซูเปอร์มาเก็ตชั้นนำ
และร้านอาหาร
ในบริเวณใกล้เคียงกัน
นายตัน ภาสกรนที ประธาน บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด ลงทุนราว 400 ล้านบาท สร้าง คอมมิวนิตี้มอลล์
ชื่อโครงการ”ธิงค์ พาร์ค อาร์ต คอมมูนิตี้มอลล์” บนพื้นที่ 5 ไร่ คาดว่าปลายปี 2555 จะเปิดบริการได้
จากนี้ไปเชียงใหม่จะกลายเป็นเมืองที่มีห้างค้าปลีกโตคู่กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวใหม่
ที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคที่เป็นไลฟ์สไตล์สมัยใหม่มากขึ้น
………………………………………………………………………………………………………………
ศาสตราจารย์ กิตติมศักดิ์
ดร.สมัย เหมมั่น
รองกรรมการบริหาร
บ้านกัซซันกอล์ฟเฮ้าส์ นครเชียงใหม่-ลำพูน
6
มิถุนายน 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น